งานศึกษาผู้นำ 4 บริษัท (สตีฟ จ๊อบ)

สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs)
สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 ผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิลคอมพิวเตอร์และพิกซาร์อนิเมชันสตูดิโอส์ เป็นบุคคลชั้นนำในวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ในฐานะผู้ก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์ร่วมกับสตีฟ วอซเนียก ในปี ค.ศ. 1976 เขาได้ช่วยทำให้แนวคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมาด้วยเครื่อง Apple II ต่อมาเขาได้เป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีรอกซ์พาร์คของบริษัทซีร็อกและได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ในเครื่องแอปเปิล แมคอินทอช สตีฟยังเป็นประธานกรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูง พิกซาร์อนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์อนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์
ช่วงแรกของชีวิต
จอบส์ เกิดที่เมืองกรีนเบย์ มลรัฐวิสคอนซินเป็นบุตรของนางโยฮานน์ ซิมพ์สัน และมีบิดาเป็นชาวอียิปต์ ไม่นานต่อมาเด็กชายผู้นี้ได้ถูกรับไปอุปการะโดยนายพอลและนางคลารา จอบส์ ที่มีถิ่นพำนักอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว มลรัฐแคลิฟอร์เนีย จอบส์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปี ค.ศ. 2005 และได้เริ่มเข้าประชุมชมรมเครื่องคอมพิวเตอร์ทำเองที่บ้าน กับสตีฟ วอซเนียก จากนั้นก็สมัครเข้าทำงานตำแหน่งช่างเทคนิคที่อาตาริ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมส์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตลอดช่วงเวลานี้ มีการค้นพบว่า นกหวีดของเล่นที่แถมมาในกล่องอาหารเช้าทำจากธัญพืชยี่ห้อแคปแอนด์ครันช์ทุกกล่อง เมื่อนำมาดัดแปลงเล็กน้อยแล้วจะสามารถทำเกิดเสียงความถี่ 2,600 เฮิร์ท ที่ใช้ในระบบโทรศัพท์ทางไกลของเอทีแอนด์ทีได้ โดยไม่รอช้า
ในปี ค.ศ. 1974 จอบส์กับวอซเนียกได้เริ่มธุรกิจผลิตกล่อง “บลูบ็อกซ์” จากแนวความคิดดังกล่าว ทำให้เราสามารถโทรศัพท์ทางไกลได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ในปี ค.ศ. 1976 สตีฟ จอบในวัย 21 ปี กับสตีฟ วอซเนียก วัย 26 ปี ได้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิลคอมพิวเตอร์ขึ้นในโรงรถที่บ้านของครอบครัวจอบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จอบส์กับวอซเนียกได้นำเสนอออกสู่สายตาได้แก่เครื่อง Apple I และตามด้วย Apple II ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในตลาดคอมพิวเตอร์ใช้งานในบ้านและทำให้แอปเปิลกลายเป็นผู้ผลิตรายสำคัญในวงการอุตสาหกรรมเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่แอปเปิลกำลังเติบโตต่อไป จอบส์ได้มองหาผู้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจเพื่อมาช่วยในการขยายกิจการ ได้ว่าจ้าง จอห์น สกัลลีย์ ผู้บริหารระดับสูงของเป๊บซี่-โคล่า ให้มาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล โดยที่จอบส์ได้กล่าวท้าทายเขาว่า “คุณต้องการจะใช้ช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับการขายน้ำหวาน หรือว่าต้องการโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้กันแน่”
ออกจากแอปเปิล ก่อตั้งกิจการบริษัทเน็กซ์
ในขณะที่จอบส์ได้กลายเป็นนักบุญผู้มีบุคลิกโดดเด่นและมีส่วนผลักดันโครงการต่าง ๆ ของแอปเปิล เหล่านักวิจารณ์มักจะอ้างว่าเขาเป็นผู้จัดการที่มีบุคลิกภาพแปลกประหลาดและโมโหร้าย ในปี ค.ศ. 1985 ภายหลังจากประสบปัญหาขัดแย้งเรื่องอำนาจภายในบริษัท จอบส์ถูกคณะกรรมการบริหารของแอปเปิลถอดออกจากภารกิจต่าง ๆ ที่เขาเป็นผู้รับผิดชอและได้ลาออกในที่สุด
หลังจากออกแอปเปิล จอบส์ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า เน็กซ์ (Next) ซึ่งมีเทคโนโลยีล้ำยุค แต่มันไม่เคยเข้าสู่กระแสความนิยมหลักได้ เนื่องจากราคาที่สูงลิ่ว เทคโนโลยีของเน็กซ์ทำให้มีกลุ่มผู้ติดตามจำนวนมากเนื่องจากความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีของมัน จอบส์บริหารงานที่บริษัทเน็กซ์ โดยเล็งผลเลิศแม้ว่าจะใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไรก็ตาม สายตาที่สอดส่องการทำงานทุกกระเบียดนิ้วคู่นี้ได้เป็นตัวบ่อนทำลายแผนกฮาร์ดแวร์ของเน็กซ์ในที่สุด แต่ในทางกลับกันมันยังเป็นการแสดงให้โลกรู้ว่า จอบส์สามารถออกแบบเครื่องแมคอินทอชที่ดีกว่รุ่นดั้งเดิมในแบบที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้
กลับสู่แอปเปิล
ในปี ค.ศ. 1996 แอปเปิลได้ซื้อกิจการบริษัทเน็กซ์ คอมพิวเตอร์ด้วยราคา 402 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำจอบส์กลับมาสู่บริษัทที่เขาก่อตั้งเอาไว้ เขาได้กลายเป็นผู้บริหารระดับสูงของแอปเปิล จากการซื้อกิจการของเน็กซ์ เทคโนโลยีหลายตัวของบริษัทได้แจ้งเกิดในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีนี้ บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ได้ขยายกิจการไปหลายสาขาด้วยการเปิดตัว iPod เครื่องเล่นดนตรีขนาดพกพา iTunes ซอฟต์แวร์สำหรับดนตรี Digital รวมไปถึงร้านดนตรีไอทูนส์
จอบส์ทำงานที่แอปเปิลเป็นเวลานานหลายปีติดกันด้วยค่าจ้างรายปีเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐและทำให้เขาได้ถูกบันทึกไว้ในสถิติโลกกินเนสส์ว่า เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับค่าจ้างต่ำที่สุดในโลก จอบส์ได้รับทั้งคำชื่นชมและวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับทักษะด้านการขายและดึงดูดใจผู้บริโภคของเขา
ร่วมก่อตั้งพิกซาร์
ในปี ค.ศ. 1986 จอบส์ได้ร่วมกับเอ็ดวิน แคทมัลล์ ก่อตั้งพิกซ์ ซึ่งเป็นสตูดิโอสร้างภาพยนตร์อนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์ พิกซาร์ได้กลายเป็นบริษัทที่โด่งดังและประสบความสำเร็จด้วยภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องยาวแหวกแนวเรื่อง ทอย สตอรี่ย์ และตามด้วยภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น ตัวบั๊กส์ หัวใจไม่บั๊กส์, ทอย สตอรีย์ 2, มอนสเตอร์ส อิงค์ บริษัทรับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด, นีโม่ ปลาเล็กแต่หัวใจโต๊ โต, รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก และ Cars
สิ่งที่สตีฟ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก
สตีฟได้สร้างเทคโนโลยีที่ทันสมัย เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกับโลก โดยเริ่มจากจุดเล็ก ๆ และก่อตั้งบริษัท แอปเปิดขึ้นมา ทำให้การติดต่อสื่อสารง่ายขึ้น ตอนที่ทำงานอยู่บริษัทเน็กซ์ก็ยังเป็นผู้สร้างเวิลด์ไวด์เว็บ ชื่อเบราว์เซอร์ตัวแรกของโลกกับ ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ได้พัฒนาระบบต้นแบบของเวิลด์ไวด์เว็บของสถาบันวิจัยแซร์นในสถานีวิจัยย่อยของแซร์นที่บริษัทเน็กซ์ จุดยืนของจอบส์ที่ว่าคนธรรมดาน่าจะสามารถเขียนแอปพลิเคชั่นใด ๆ ที่ “จำเป็นยิ่งยวดต่อภารกิจ” ได้กลายเป็นหลักเบื้องต้นในการสร้าง Interface Builder อันเป็นโปรแกรมที่ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ใช้เขียนโปรแกรมที่มีชื่อว่า “World-Wide-Web 1.0” และตอนที่สตีฟได้กลับมาทำงานที่แอปเปิลอีกครั้ง ช่วงที่แอปเปิลกำลังล้มละลาย จุดยืนของจอบส์ที่ยืนหยัดจะพัฒนาคอมพิวเตอร์จากระบบปฏิบัติการยูนิกซ์อย่างต่อเนื่อง ได้ถูกมองว่า ทะเยอทะยานเกินไปและเป็นแนวคิดที่ล้าหลังแต่ทางเลือกของจอบส์กลายเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบปฏิบัติการที่เสถียรและสามารถขยายตัวได้ แอปเปิลจะต้องการซอฟต์แวร์ตัวนี้ในเวลาต่อมาภายใต้การนำของจอบส์ และได้เรียนรู้ประสบการณ์ของการเกิดใหม่เทคโนโลยีของเน็กซ์ยังได้ช่วยในการพัฒนาก้าวหน้าของเทคโนโลยีอื่น ๆ เป็นต้นว่าการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ การแสดงผลโพสต์สคริปต์ และอุปกรณ์ออพติก-แม่เหล็ก
จุดเด่นในการเป็นผู้นำ
เป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจุดยืนของตัวเอง ก่อตั้งแอปเปิลขึ้นมาจนกระทั่งประสบความสำเร็จมี่ชื่อเสียง ถึงแม้ว่าสตีฟจะต้องออกจากแอปเปิลไปแต่สตีฟก็ยังไม่หยุดนิ่ง ยังตั้งบริษัท เน็กซ์ขึ้นมาอีกและประสบความสำเร็จกับความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นมา และยังทำให้แอปเปิลที่กำลังจะล้มละลายกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีหลากหลายตัวด้วยค่าจ้างเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี จอบส์เป็นอัจฉริยะ มีทักษะ ความสามารถหลาย ๆ ด้าน
สรุป
สตีฟ จอบส์ เป็นอัจฉริยะ มีจุดยืนของตัวเอง เป็นผู้มีความสามารถ มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น จนคนอื่นคิดว่าสตีฟมีความทะเยอทานสูงและล้าหลัง สตีฟมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มุ่งมั่นต่อความสำเร็จถึงแม้ว่าจะพบอุปสรรค สตีฟเป็นผู้ที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง สามารถจูงใจให้ผู้อื่นเชื่อมั่นและศรัทธาในความสามารถของเขา สตีฟยังสามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้

สมาชิกกลุ่ม 2 ห้อง สจท. 52/1
1. นางสาวรุ้งนภา หอมเจริญ
2. นางสาวสุมาลี หอมเนียม
3. นางสาวนิรันตี อินทร์ตระกูล
4. นายสุวัฒน์ เต็มรัตนชัยกุล
5. นางสาวผการัตน์ สารภิรมย์