แม่ผู้ประเสริฐ

..................แม่ผู้ประเสริฐ..............

ก็แค่อยากเล่าเรื่องราวดีๆ ในชีวิต ที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้

นี่คือประสบการณ์ชีวิตจริงที่อยากแบ่งปัน

ได้อาศัยท้องของผู้หญิงหนึ่งคนที่เรียกว่า "แม่"

ตั้งแต่เมื่อยังเด็กจนเติบโตมาถึงปัจจุบันนี้

ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่แม่จะด่า จะว่า หรือแม้แต่ดีลูกเลยสักครั้ง

แต่ถ้าจะถามวว่า ไม่เคยโดนแม่ว่าเลยหรอ ก็ไม่เป็นไปไม่ได้

แต่คำด่าหรือคำว่าของแม่ที่เปล่งออกมาแต่ละครั้งนั้น

ทำให้ลูกๆ รู้สึกซึ้งใจ และต้องขอบคุณทุกๆ คำด่าทุกๆ คำต่อว่าของแม่

ทุกคนคงไม่รู้สินะว่าแม่ผู้ประเสริฐคนนี้ต่อว่าลูกอย่างไร

เล่าให้ฟังก็๋ได้ คำที่แม่ใช้ต่อว่า ใช้ว่ากล่าวลูกทุกคนที่ทำผิดก็คือ

อีสะระณัง คัจฉามิ (คำว่าอี ไม่ใช่คำไม่สุภาพนะคะ แต่เป็นคำเรียกของคนอีสาน)

มาจากบทสวดมนต์ ในบทที่ว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

เห็นไหมคะว่า จะมีแม่ที่ไหนด่าลูกได้สุดยอดขนาดนี้

บางครั้งก็จะมีคำด่าที่ว่า ขอให้มึงเจริญ ขอให้มีอนาคตที่ดี

นี่แหละค่ะ ที่เค้าเรียกว่า แม่ที่ประเสริฐจริงๆ ไม่เคยว่าลูกให้พบประสบภัยใดๆ เลย

เคยถามแม่เหมือนกันว่าทำไมไม่ว่าอะไรที่ไม่ีดี

คำตอบที่ได้ก็คือ แม่บอกว่า คำของแม่นั้นศักดิ์สิทธิ์มาก

แม่ไม่อยากมอบคำที่ไม่ดีให้กับลูก ปากแม่พูดเช่นใด ลูกมักจะเป็นไปตามที่แม่ว่าเสมอ

ฉะนั้น แม่จึงอยากมอบแต่สิ่งดีๆ ให้กับลูก เพราะแม่ไม่มีอะไรจะให้ได้ดีที่สุดไปกว่านี้

แต่แค่นี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ลูกๆ ของแม่จะได้รับกันแล้ว

อย่างไรซะก็ขอให้แม่มีความสุข และจะไม่ทำให้แม่มีความทุกข์เลยเช่นกัน

คน 1 คน

วันนี้ได้รับเมล์จากเพื่อคนนึง เป็น 1 เมล์ที่อ่านแล้วรู้สึกอยากแบ่งปัน

เรื่อง คน 1 คน

คน 1 คน

การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน

ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ

"คน" เป็นสิ่งมีชีวิต มีทั้งด้านบวกและด้านลบอยู่ในนั้น

อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว

อย่าคาดหวังกับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่มึใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น

อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป

เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว...คนเดียว...

อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป

เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง

อย่าควบคุมชีวิตคนหนึ่งคนมากเกิไป

เพราะมนุษย์่มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากฎที่ถูกกำหนด

อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้

เพราะถ้าคนๆ นั้นหลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้

คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหักหลังให้ในทันที

เธอ...ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ

ไม่ใช่ภาพวาดที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา

ฉัีนเองก็เป็น "คน" เป็นสิ่งมีชีวิตมี 2 ด้าน...เช่นกัน

อย่ารู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง

**************

ขอให้มองตนเองให้ออก....ก่อนคิดมองคนอื่น

เสน่ห์การท่องเที่ยวแบบ Backpacker

จะมีใครรู้บ้างว่า การท่องเที่ยวนั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของนักท่องเที่ยวจะบริการจัดการกันเอง แต่มีการท่องเที่ยวแบบหนึ่งที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ถ้าใครยังไม่เคยลองก็ควรจะลองกันได้แล้ว

นั่นก็คือ การท่องเที่ยวแบบ Backpacker ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวแบบสะพายเป้เที่ยวนั่นเอง มีหลายคนที่เมื่อนึกถึงการท่องเที่ยวจะต้องนึกถึงบริษัททัวร์ ซึ่งมีให้บริการมากมายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวไปในต่างแดน

การท่องเที่ยวแบบใช้บริการบริษัททัวร์นั้น ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ นั่นคือ มีความสะดวกสะบาย และได้ไปเที่ยวในหลายๆ ที่ตามโปรแกรมที่บริษัททัวร์ได้กำหนดไว้ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามโปรแกรมที่ได้วางไว้อย่างชัดเจนและเปลี่ยนแปลงได้อยาก เนื่องจากลูกทัวร์มาจากที่ต่างๆ แตกต่างกันไป

ดังนั้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเร่งรีบ หรือเก็บสถิติสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เยอะแยะมากมายให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ควรจะเลือกการท่องเที่ยวแบบ Backpacker เนื่องจากผู้เที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ตามใจของตนเอง สามารถดื่มด่ำไปกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจ ได้วางแผนการเดินทางด้วยตนเอง ซึ่งการเดินทางที่จะต้องค้นหาเส้นทางหรือวิธีการเดินทางด้วยตนเองนั้น นั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริงของการท่องเที่ยวแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวได้ประสบพบเจอ จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มิอาจลืมได้

จากการที่ผู้เขียนได้ทดลองท่องเที่ยวแบบ Backpacker แล้ว โดยได้ไปผจญภัยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าขอ Visa เข้ายากที่สุด ซึ่งความยากเริ่มตั้งแต่การเริ่มขอ Visa เนื่องจาก เป็นครั้งแรกที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ดังนี้น จะต้องหาข้อมูลและเตรียมตัวเป็นอย่างไม่ นอกจากนั้นสิ่งต่างๆ ที่จะต้องเตรียมต่อมาก็คือ การจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และสิ่งที่จะต้องลืมไม่ได้ก็คือ การซื้อตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่าย ที่สามารถใช้ได้ตลอดระยะเวลาที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

ตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่ายนี้เล่ากันว่า ไม่มีขายในญี่ปุ่น แต่จะมีขายให้เฉพาะชายต่างชาติเท่านั้น ดังนั้น ผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น จะต้องศึกษาข้อมูลพวกนี้ให้ดี

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าต่ออีกมาว่า ถ้าใครสามารถนั่งรถไฟในญี่ปุ่นได้โดยไม่หลงแล้ว ก็สามารถนั่งรถไฟได้ทั่วโลก ทั้งนี้อาจจะมาจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการใช้รถไฟในการคมนาคมไปทั่วประเทศ ทุกๆ เมืองจะมีระบบเดินรถไฟภายเหมือนกันทุกเมือง และมีรถไฟที่ให้บริการระหว่างเมือง จากญี่ปุ่นทางเหนือไปจนใต้สุดของญี่ปุ่น ซึ่งที่จะได้ยินบายๆ ก็คือ รถไฟสาย JR หรือ Japan Railway ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และนักท่องที่ยวที่จะไปเที่ยวนั้น สามารถซื้อ Japan Rail Pass ได้

การใช้ Japan Rail Pass นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟของ JR ได้เกือบทุกสาย แต่จะมีบางสายที่นั่งไม่ได้ ซึ่งรายละเอียดทุกอย่างจะมีบอกไว้ใน Japan Rail Pass


dsc02987dsc02974

วันนี้ขอจบไว้แค่เรื่องของรถไฟแลวกัน แล้วค่อยต่อกันวันหลังนะคะ และถ้าอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็สามารถเข้ามาคุยกันได้ค่ะ

The Korean Wave – Present and Future 2 - By Professor Dr. H.S.Hwang

สาเหตุที่คลื่นวัฒนธรรมเกาหลีได้รับความนิยมทั้งในจีนและประเทศในแถบเอเชีย เนื่องจาก

· ธรรมชาติของภาพยนตร์และละครอเมริกันมีแต่ความรุนแรง และมีภาพที่ไม่เหมาะสม ยากที่จะได้รับการยอมรับจากวัฒนธรรมจีน อีกทั้งเป็นการยากที่จะผ่านเซ็นเซอร์

· การต่อต้านอเมริกา และญี่ปุ่นในประเด็นที่มีความอ่อนไหว

· วัฒนธรรมเกาหลีที่อยู่ในสื่อต่างๆ เป็นคุณค่าร่วมกันของคนในเอเชีย ทั้งในด้านการสอนคติความเชื่อของขงจื้อ

· เป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีราคาถูก

· สร้างความดึงดูดใจ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นได้ทั่วโลก ทั้งในเรื่องเพลงที่มีจังหวะที่เหมาะกับการเต้น และเรื่องของการเต้น

· เป็นความต้องการที่เห็นถึงวัฒนธรรมใหม่

ทำไมผู้หญิงเอเชียถึงชอบละครเกาหลี

· เป็นโลกแฟนตาซี

· เป็นภาพของความรัก

· มีฮีโร่ในอุดมคติ

· ความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว และเพื่อน

· ความสำเร็จในอาชีพของดาราในละคร

· ความสวยงาม และรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้คน

· เหตุผลในเรื่องอารมณ์ความรู้สึก

อย่างไรก็ตามจีนก็มีความรู้สึกว่ากระแสวัฒนธรรมเกาหลีได้สร้างผลกระทบต่อความภาคภูมิใจในฐานะที่ตนเองเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของเอเชีย รวมทั้งยังเฝ้าระวังละครเกาหลีที่จะผลกระทบต่อความรู้สึกของคนจีน ส่วนเวียดนามก็มีการวิจารณ์ว่าวัฒนธรรมเกาหลีที่นำเสนอผ่านสื่อ นอกจากนี้ภาพยนตร์และละครเกาหลีในสายตารัฐบาลเวียดนามมองว่ารุนแรงเกินว่ามาตรฐานของเวียดนาม


ส่วนอิทธิพลของคลื่นที่มีต่อไทยนั้นมีอย่างมากมาย ทั้งการเกิดขึ้นของนิตยสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลี การได้รับการยอมรับในด้านรายการโทรทัศน์ของเกาหลี ภาพยนตร์ ละคร ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั้งในสถานีโทรทัศน์ช่องปกติและเคเบิล รวมทั้งกระแสคลั่งไคล้ทั้งดารา นักร้องของเกาหลีจากบรรดาวัยรุ่น

picture13

นอกจากนั้น Professor Dr. H.S.Hwang ยังกล่าวถึงคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่เข้าไปยังฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา และปิดท้ายเกี่ยวกับอนาคตของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีว่าจะคงมีต่อไป แต่เกาหลีควรเปิดกว้างในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประเทศต่างๆ และเนื้อหาของละคร ภาพยนตร์ควรทำให้ดีขึ้นกว่านี้

picture14

***********************************************

The Korean Wave – Present and Future 1 - By Professor Dr. H.S.Hwang

การบรรยายกล่าวถึงอิทธิพลของคลื่นวัฒนธรรมเกาหลี (Korean Wave) ที่แพร่กระจายผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในรูปของละคร ภาพยนตร์ เพลง รายการโทรทัศน์ และนับว่าสินค้าทางวัฒนธรรมของเกาหลีที่ได้รับความนิยมจากนานาประเทศ โดยเริ่มต้นจากประเทศในแถบเอเชีย แต่ตอนนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ในประเทศแถบเอเชียนั้นดาราเกาหลีได้รับความนิยมจนคลื่นความเป็นเกาหลีกระจายไปทั้งในจีน เวียดนาม ส่วนในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์เรื่อง Old Boy กำกับโดย Park, Chan Ook ได้รับรางวัลในงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส

ในญี่ปุ่น สถานีโทรทัศน์ทั่วไปมีการออกอากาศละครโทรทัศน์ของเกาหลีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเครือข่ายโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทั้ง BS Satellite Network, CS Satellite TV และ Sky Perfect TV ก็มีการออกอากาศละครโทรทัศน์ของเกาหลีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งเช่นกัน โดยดาราเกาหลีเป็นเหมือนหัวใจสำคัญในการนำพาคลื่นเกาหลีไปยังญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น BoA, Yon Sama และละครเกาหลีได้รับความนิยมในกลุ่มผู้หญิงญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จนก่อให้เกิดกระแสความหลงใหลดาราและนักร้องเกาหลีอย่างกว้างขวาง คลื่นวัฒนธรรมเกาหลีนี้ช่วยให้ชาวญี่ปุ่นสนใจในวัฒนธรรมเกาหลีเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดีก็มีกระแสการต่อต้านคลื่นวัฒนธรรมเกาหลีที่แพร่อิทธิพลเข้าไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในบางประเทศได้ลดชั่วโมงออกอากาศละครเกาหลี เช่น จีนห้ามนำละครเกาหลีของสถานีโทรทัศน์ 3 ช่องไปออกอากาศ ในปี 2006 จีนก็ลดเวลาออกอากาศละครเกาหลีลง 50%, เวียดนามออกมาประกาศว่าถ้าเกาหลีไม่ออกอากาศรายการโทรทัศน์ของเวียดนามในเกาหลีบ้าง จะระงับการออกอากาศรายการทุกรูปแบบของเกาหลี ในที่สุดเวียดนามได้ออกระเบียบโดยกำหนดช่วงเวลาออกอากาศเพื่อให้ชาวเวียดนามได้ดูรายการของชาติตนเองมากขึ้น

ในประเทศจีน ได้มีการออกอากาศละครเกาหลีเรื่อง “What is Love?” เมื่อปี 1997 โดยในระยะแรกเพลงเกาหลีได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น ต่อมาละครโทรทัศน์ของเกาหลีก็ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย เพลง ละครโทรทัศน์ และวงดนตรีที่ได้รับความนิยมในจีน รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ได้แก่ เพลง “Honey” ของ Park, Jinyoung ภาพยนตร์เรื่อง “Mister Q” นำแสดงโดย Kim, Minjong “Goodbye My Love” นำแสดงโดย Kim, Heesun และ An, Jaeuk “Jealousy” นำแสดงโดย Choi, Jinsil และวงดนตรีบอยแบนด์ H.O.T.

picture11

picture12

Interactive Contents 6 - By Professor Seung-hee Lee, Ph.D.

5. ความเกี่ยวข้องกันของเนื้อหา (Implications)

WEB 2.0 + AR + VR + Interactive Content = What For?


- สามารถสนับสนุนการสร้างประสบการณ์ด้วยวิธีการ“Learning by doing”

- สามารถได้ปฏิบัติจริงและแสดงผลการมองเห็นได้เหมือนจริง

- สามารถทำให้ตั้งใจเรียนและมีความกระตือรือร้นมากขึ้น

- สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันหลายคนในครั้งเดียวแบบ เห็นหน้าผ่านกล้องได้

- และมีอีกมากมาย

***********************************************

Interactive Contents 5 - By Professor Seung-hee Lee, Ph.D.

4. Interactive Contents with AR of Korea

Augmented Reality หรือ โลกเสมือนผสานโลกจริง เป็นการนำเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) ผสมเข้ากับเทคโนโลยีภาพที่มีลักษณะคล้ายๆ กับ QR Code เพื่อทำให้เห็นภาพสามมิติ ในหน้าจอโดยที่มีองค์ประกอบของ สิ่งแวดล้อมจริงๆ ปัจจุบันมิติเสมือนจริงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราหลากหลายรูปแบบ เช่น วงการโฆษณา วงการสิ่งพิมพ์ วงการการสื่อสาร และการศึกษา ตามความเป็นจริงแล้วดูเหมือนว่าการสร้างงาน 3 มิติ แบบ Ar นั้นมีกระบวนการที่สลับซับซ้อน ซึ่งตัวอย่างจากการใช้งานทางด้านนี้ ห้องทดลองของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ University of Canterbury ใช้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น ภูเขาไฟ (AR Volcano) หนังสือเวทย์มนต์ (Magic book) และยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้ AR ในทางการแพทย์ คือ Florida University ในการสอนการผ่าตัดกับนักศึกษา

picture61

ภาพที่ 5 แสดงการความสัมพันธ์ระหว่าง AR และ AV

ที่มา http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/d/dc/Virtuality_Continuum_2.jpg

picture7ภาพ ก

picture8ภาพ ข

ภาพที่ 6 ตัวอย่างการแสดงผลภาพแบบเสมือนจริงแบบสามมิติ

ภาพ ก หนังสือสามมิติ ที่มา http://www.bradleyrhodes.com/Reports/Ubicomp-overview/artoolkit.jpg

ภาพ ข หนังสือสามมิติ ที่มา http://www.hitlabnz.org/images/6/62/MagicBook_1.jpg

picture9

ภาพที่ 7 แบบแสดงผลอยู่ในมือของผู้ใช้งาน (Handy AR)

ที่มา http://ilab.cs.ucsb.edu/projects/taehee/HandyAR/images/bunny.png


ส่วนในประเทศเกาหลีได้ใช้ในการทำสวนจำลองแบบสามมิติ และ ทำแหล่งการเรียนรู้แบบเสมือนจริงอีกด้วย

picture10

ภาพที่ 8 ภาพจำลองการทำสวนแบบสามมิติภายในบ้าน


Interactive Contents 4 - By Professor Seung-hee Lee, Ph.D.

1. Net Generation, Digital Native

คำถาม How Can U Defne In Ur Team?

ระหว่าง Interaction and Contents สรุปได้ดังนี้

Interaction หมายถึง การโต้ตอบ การมีปฏิสัมพันธ์กัน สองทาง หรือมากกว่า

Contents หมายถึง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ตัวอักษร ที่รวมกันจนเป็นเว็บไซต์

ผู้บรรยายได้ยกตัวอย่างการเล่นเปียโนออนไลน์โดยการกดคีย์ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์จากนั้นมีเสียงโน๊ตออกมา

Types of Interaction

- Interaction Mode

- Learner (User) - Instructor (Developer) Interaction

- Learner (User) - Learner (User) Interaction

- Learner (User) – content Interaction

picture5


ภาพที่ 5 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการปฎิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้งานกับผู้ควบคุม

สังคมการใช้อินเตอร์เน็ตในอเมริกา

- ร้อยละ 33 เป็นเขียนบล็อกหมายถึง ประชาชนประมาณ 32 ล้านคน

- ร้อยละ 66 เป็นผู้อ่านบล็อกหรือ user ประชาชนประมาณ 64 ล้านคน

- มีผู้ใช้อายุ 18-24 ปีในการเข้าใช้ Facebook และเป็นที่นิยมมากกว่า Google

- ร้อยละ 85 ของ Facebook เป็นนักศึกษา

การใช้งานของประชาชนส่วนใหญ่

- ใช้ในการดู และแบ่งปัน วีดีโอ ร้อยละ 83

- สร้างเครือข่ายในการติดต่อกัน ร้อยละ 71

- เข้าอ่านข้อมูลต่างๆ ร้อยละ 71

- แสดงความคิดเห็นต่างๆ บนเวปไซด์ ร้อยละ 56

- ใช้ในการแบ่งปันรูปถ่าย ร้อยละ 55

- และยังแสดงสังคมของ Cyworld of Korea ตามที่อยู่ของเวปไซด์ ดังนี้ http://town.cyworld.com/museum

Interactive Contents 3 - By Professor Seung-hee Lee, Ph.D.

2. Change With Web 2.0

ปัจจุบันเราใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อ เขียนบล็อก การแชร์รูป ร่วมเขียน Wiki การโพสความเห็นลงในท้ายข่าว การหาแหล่งข้อมูลด้วย RSS เพื่อ Feed มาอ่านที่หน้าจอ และกูเกิ้ล จะเห็นได้ว่าวิธีการใช้ชีวิตบนอินเทอร์เน็ตของชาวออนไลน์เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตดังกล่าวสะท้อนการเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นที่มาของเว็บ 2.0 หรือยุคใหม่ของ อินเทอร์เน็ตที่ได้เปลี่ยนการใช้งานของเราไปอย่างสิ้นเชิง

picture3

ภาพที่ 3 กรอบขอบเขตของเว็บ 2.0

ที่มา http://upic.me/i/k2/web22.jpg

picture4

ภาพที่ 4 โครงสร้างของ web 2.0

ที่มา http://blog.softwareabstractions.com/photos/scap/web20_fmwk.gif

โดยแนวทางของ Web 2.0 สามารถสรุปได้ดังนี้

เว็บมีหน้าที่เป็น Computing platform ที่ให้บริการเว็บแอปพลิเคชัน แก่ผู้ใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต มีข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญ มีเน็ตเวริค์ที่เกิดจากการเข้ามามีส่วนรวมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต มีการสื่อสารระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่เปิดกว้าง มีการจัดหมวดหมู่เนื้อหาและการจัดระเบียบภายในเว็บที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสถาปัตยกรรมบนเว็บมีการพัฒนามากขึ้น Web 2.0 เป็นคำที่ใช้ในแง่การตลาด เพื่อแบ่งแยกธุรกิจบนเว็บยุคใหม่ออกจากยุคเริ่มต้น (ยุค 90) มีการตอบรับอย่างตื่นตัวต่อนวัตกรรมใหม่ ในแวดวงเว็บแอปพลิเคชัน และบริการทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้รับแรงผลักดันอย่างมากในช่วงกลางปี 2548 เปลี่ยนจากเว็บไซด์แบบ static การค้นหาจาก search engines และ การท่องอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซด์หนึ่งไปยังอีกเว็บไซด์หนึ่ง กลายเป็นเว็บไซด์แบบ dynamic ที่มีการโต้ตอบและมีการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างเว็บไซด์ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทำการค้นหาด้วยตนเอง

Interactive Contents 2 - By Professor Seung-hee Lee, Ph.D.

1. Net Generation, Digital Native

ในทุกวันนี้ มีการส่งข่าวสารข้อมูลทุกวันของประชากรในโลก และเด็กเริ่มเรียนรู้ข้อมูลเมื่ออายุครบ 4 ปี เมื่อปี 2013 Super computer ได้ถูกสร้างขึ้นจากความสามารถของมนุษย์ และได้ทำนายว่าในปี 2049 คอมพิวเตอร์จะสามารถทำงานโดยมีประสิทธิภาพเหมือนกับมนุษย์

ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในเกาหลี (A daily life of N-Generation in Korea)

คนเกาหลีส่วนใหญ่อยู่กับเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็นมือถือที่สามารถรับส่งข่าวสารข้อมูล ระหว่างการรอรถและการดูทีวี ฟังเพลง หรืออินเตอร์เน็ตบนมือถือ เป็นต้น และยังได้เปรียบเทียบว่าการที่ไม่มีเทคโนโลยีที่กล่าวข้างต้น เหมือนกับคนที่ไม่มีชีวิต “No life without Technology” มีคำถามสำหรับเด็กนักศึกษาไทยว่าเป็นอย่างไร มีการเปิดใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนชีวิตอย่างไรด้วย Don Tapscott ได้รายงานเกี่ยวกับ 8 บุคลิกของเด็กที่เกิดในปี 1997 และทำให้เกิดช่องว่างระหว่างยุคสมัย ต่อมาในปี 1980 เรียกช่วงนี้ว่า Net Generation และช่วงของปี 1990-2000 เรียกยุคนี้ว่า I Generation