Urban Resilience

การแลกเปลี่ยนพึ่งพาทรัยพยากรระหว่างท้องถิ่น ระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการดำรงอยู่ เนื่องจากเมืองมีทรัพยากรธรรมชาติที่ข้อจำกัด และผลิตทรัพยากรที่จำเป็นได้เฉพาะที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของตน นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่หากระหว่างเมืองเกิดความไม่เข้าใจกันจนเกิดข้อพิพาษย์กันระหว่างท้องถิ่น หรือระหว่างประเทศแล้ว เมืองไม่ได้ถูกปรับวิธีการนำทรัพยากรมาใช้อย่างเหมาะสมกับเมืองของตนแล้ว อาจส่งผลให้ประชากรภายในเมืองอยู่ในสภาวะวิกฤตได้ ดังจะเห็นในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศส่งคนมาเรียนรู้และนำเอาองค์ความรู้จากเมืองซึ่งสมบูรณ์ไปพัฒนาเมืองของตน เพื่อความเจริญพึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งตามความเป็นจริงไม่อาจทำได้แน่นอน เพราะทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในสภาวะปกตินี้การเป็นเมืองที่มีความยืดหยุ่นต่อไปนั้น ต้องอาศัยการบูรณาการองค์ความรู้ในหลายวิชาที่สำคัญ เช่น นักผังเมือง สถาปนิก นักวิทยาศาสตร์ นักชีววิทยา เป็นต้น เพื่อร่วมกันสอดส่องดูแลความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างเป็นเครือข่าย (Network) โยงใยกันระหว่างเมือง ระหว่างประเทศ ระหว่างทวีป หรือภายนอกโลกหากพบความผิดปกติ ให้นำข้อมูลมาแลกเปลี่ยนร่วมกันพิจารณา เพื่อพัฒนาการจัดการสภาพแวดล้อม และแก้ปัญหาโดยผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพที่หลากหลายอย่างรวดเร็วและมีคุณธรรม จะสามารถช่วยป้องกันภัยจากธรรมชาติ สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และเกิดความยั่งยืนของเมืองได้ ช่วยลดความสูญเสียอย่างมากต่อเมืองได้ทั้งทรัพยสิน ร่างกาย และจิตใจ ซึ่งไม่อาจประเมินค่าได้