เอสซีจีโอ่5ปีขึ้นแท่น ผู้นำปิโตรเคมีอาเซียน

เอสซีจี เคมิคอลส์ มั่นใจก้าวเป็นธุรกิจปิโตรเคมีรายแรกที่เติบโตครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน หลังเปิดเออีซี ผนึกไทย เวียดนาม อินโดฯ เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันสร้างเครือข่ายใหญ่สุดในอาเซียนภายในปี 2561 พร้อมลงทุนด้านวิจัย 2,000 ล้านบาทต่อปี ดันยอดขายโต 5-10% ต่อปี ภายใน 5 ปีนี้
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ เปิดเผยว่า เอสซีจียืนยันจะเป็นกลุ่มแรกที่ขยายการลงทุนด้านปิโตรเคมีครอบคลุมเกือบทุกประเทศในอาเซียน ภายหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยจะใช้กลยุทธ์หลัก 2 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างเครือข่ายปิโตรเคมีครบวงจร โดยเชื่อมโยงการบริหารธุรกิจของโรงงานของเอสซีจีที่อยู่ในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำซ้อนด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตวัตถุดิบที่ไม่ซ้ำซ้อนกัน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจปิโตรเคมีในอาเซียน โดยยืนยันว่าฐานธุรกิจหลักด้านปิโตรเคมีของเอสซีจียังอยู่ใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ทั้งนี้มั่นใจว่าจะทำให้กลุ่มเอสซีจีเคมิคอลส์จะเป็นธุรกิจปิโครเคมีที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใน 5 ปี หรือภายใน พ.ศ.2561
และกลยุทธ์ 2.การพัฒนาสินค้าให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ด้วยการเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยภายในปี 2561 จะใช้งบด้านการวิจัยและพัฒนาประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพัฒนาธุรกิจพลาสติกหลัก โดยเฉพาะพลาสติกชนิดเอชวีเอ ซึ่งปัจจุบันมียอดขายอยู่ 4 หมื่นล้านบาท จากยอดขายรวมทั้งหมด 2.1 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายให้ยอดขายเพิ่มเป็น 60% ของยอดขายรวมต่อไป และจะทำให้กลุ่มธุรกิจปิโตรของเอสซีจีเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 5-10% ภายใน 5 ปีนี้
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่เอสซีจีมุ่งพัฒนา แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.สินค้าพลาสติกประเภทเอชวีเอ ซึ่งเป็นสินค้า อาทิ พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ท่อสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและสาธารณูปโภค พลาสติกที่ใช้ในวงการแพทย์และสาธารณสุข 2.สินค้าเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สารเคลือบเพื่อการอนุรักษ์พลังงานสำหรับเตาเผา และสินค้าที่ใช้วัตถุดิบจากน้ำมันอ้อย เช่น ท่อพีวีซี เป็นต้น.

ที่มา : ไทยโพส ดอท เน็ท

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *