การแสดงหนังใหญ่ประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
โรงหนัง
การแสดงหนังใหญ่ควรหาสถานที่กลางแจ้งที่มีความกว้างยาวเพียงพอ อย่างน้อยประมาณ ๒๐๐ ตารางวา โรงหนังใหญ่ไม่ต้องปลูกร้านยกพื้นเหมือนการแสดงอย่างอื่น ๆ สามารถแสดงกับพื้นดิน พื้นปูน หอประชุม เวที ห้องโถง แล้วแต่โอกาส เพราะเวลาเล่นใช้คนยืนเชิดหน้าจอและหลังจอ ตัวหนังจะอยู่สูงกว่าระดับพื้นของสถานที่ที่ใช้แสดงประมาณ ๒.๕๐ เมตร ผู้ชมจึงแลเห็นตัวหนังอย่างทั่วถึงกัน
จอหนัง
โดยปกติมีขนาดยาวประมาณ ๑๖ เมตร สูงประมาณ ๖ เมตร ใช้ผ้าสีขาวมาทำจอ ผ้าที่ทำจอแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนตามความยาวของจอ
แสงสว่างที่ใช้แสดงให้แสงเงา
ใช้ไต้หรือกะลามะพร้าวจุดให้แสงไฟลุกเป็นธรรมชาติและให้บรรยากาศมากกว่า ดวงไฟ เพราะเปลวไฟธรรมชาติลุกเคลื่อนไหว ทำให้ภาพตัวหนังสวยงาม ดูมีชีวิตจิตใจ เกี่ยวกับการให้แสงสว่างแสดงหนังใหญ่ในสมัยโบราณ
ที่พักของคนเชิดหนังอยู่ด้านหลังของจอและบริเวณใกล้เคียงกัน ต้องมีที่จัดตัวหนังใหญ่เรียงลำดับไว้เพื่อใช้ในการแสดงคืนนั้น ๆ สมัยหลัง ๆ ใช้ตะเกียงเจ้าพายุ ไฟฟ้าจากหลอดไฟ หลอดนีออน สปอตไลท์ เพื่อความสะดวกสบายเป็นหลัก
ผู้ทอดหนัง
ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องที่จะแสดงนั้นเป็นอย่างดี และต้องรู้ว่าตัวไหนจะออกก่อนและหลัง ตัวไหนหมดหน้าที่แล้วตัวไหนจะต้องเอาออกแสดงอีก ผู้ทอดหนังจะทำหน้าที่ทอดหนังไว้ให้ผู้เชิดหนังด้วยการเอาตัวหนังนั้นพิง ซ้อนทับกันไว้
เครื่องดนตรีประกอบการแสดง
ดนตรีที่ใช้บรรเลงในการแสดงหนังใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้วงดนตรีปี่พาทย์ที่เรียกว่า “เครื่องห้า” “เครื่องคู่” “เครื่องใหญ่” แล้วแต่ฐานะของงาน แต่จะมีเครื่องดนตรีชนิดพิเศษอยู่ ๓ ชนิดที่เรียกว่าปี่กลาง กลองติ๋ง และโกร่ง
คนพากย์คนเจรจา
คนพากย์คนเจรจาที่ใช้ในการแสดงหนังใหญ่ต้องมีอย่างน้อย ๒-๓ คน ไม่ควรเกิด ๔ คน ทั่ว ๆ ไปนิยมใช้เพียง ๒ คน คนพากย์คนเจรจาต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องที่จะเล่น รวมทั้งจะต้องสามารถจดจำคำพากย์ที่เป็นบทบังคับได้อย่างแม่นยำ
เรื่องสำหรับการแสดง
เรื่องที่หนังใหญ่ใช้แสดง นิยมเรื่องรามเกียรติ์กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีคำพากย์รามเกียรติ์ของเก่าปรากฏอยู่ และหนังก็เป็นตัวละครเรื่องรามเกียรติ์
วิธีการแสดง
ถ้าเป็นการแสดงตอนกลางวัน จะแสดงจับระบำชุดเมขลา-รามสูร ประกอบร้องเพลง พระทอง เบ้าหลุด บะหลิ่ม และสระบุหรง เพลงทั้งสี่คือระบำ ๔ บท ซึ่งเป็นการเลียนแบบการเล่นละครมาแสดงประกอบกับตัวหนังใหญ่นั่นเอง
ถ้าเป็น การแสดงตอนกลางคืน จะเริ่มต้นด้วยพิธีเบิกหน้าพระหรือการไหว้ครู เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญและกำลังใจในการแสดง