ท่านผู้อ่านคะ ด้วยสถานการณ์ในบ้านเมืองเราในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เรากำลังอยู่ในภาวะที่ยากจะสรรหาถ้อยคำใดๆ มาบรรยาย โดยเฉพาะความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ตลอดทั้งวันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2553 และล่วงเลยมาถึงวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2553 โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลายต่อหลายจุด ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้าย-ประชาชนผู้บ้าคลั่ง-มือที่สามที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ซึ่งก็ทำได้จริงและทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพการเป็นประเทศที่ต้องโดนเผาบ้านเผาเมืองอย่างแท้จริง นี่คือความผิดหวัง ความเศร้าโศกเสียใจ ความทุกข์ระทมของคนไทยทั้งชาติ
บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินประโยคว่า “สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ” โดยลืมมองกลับกันไปว่า บางทีวีรบุรุษเองก็ชอบสร้างให้เกิดสถานการณ์ ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ตั้งอกตั้งใจทำ เพื่อพาชาติพ้นภัยก็ดีไป แต่ถ้าทำแล้วชาติกระโจนเข้ากองไฟ ยังไงก็หนีไม่พ้นชะตากรรมวิกฤติ ที่ต้องแบกรับร่วมกันทั้งคนในองค์กร และคนในชาติ
ลักษณะของผู้นำคุณภาพ อลิสโตเติล กล่าวว่า "Quality is not an action ,it is a habit" คุณภาพไม่ใช่สิ่งที่เป็นเพียงการปฏิบัติในครั้งหนึ่งครั้งใดเท่านั้น แต่ต้องทำจนเป็นนิสัยต่อเนื่องกัน
ซึ่งลักษณะของผู้นำคุณภาพมีดังต่อไปนี้ค่ะ
1.ต้องเป็นผู้นำวิสัยทัศน์ (visionary Leadership) และสามารถกระจายวิสัยทัศน์ไปยังบุคคลต่างๆได้ ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า " Without vision the people perished" โดยให้ความสำคัญของวิสัยทัศน์ว่า " ถ้าผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ประชาชนก็สาบสูญ " ซึ่งนับว่าวิสัยทัศน์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหาร ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ จึงต้องมีความรู้และประการณ์ในการบริหารเป็นอย่างดี ต้องรู้จักสะสมความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มั่นศึกษาค้นคว้าหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งต้องมองการณ์ไกล สามารถวางแผนระยะยาว ( Long term plan ning ) สามารถแก้ปัญหาได้อย่างชาญฉลาด เปลี่ยนวิกฤติสู่โอกาสได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญ สามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงองค์การให้เจริญก้าวหน้าและอยู่รอดปลอดภัย สามารถต้านทานต่อวิกฤติการณ์ที่มากระทบได้อย่างมั่นคง
2. ต้องใช้หลักการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วม ผู้นำคุณภาพ คงมิใช่ผู้นำแบบอัศวินที่มีลักษณะเก่งคนเดียว ทำงานคนเดียว ผู้นำจึงถือคติที่ว่า " Two heads are better than one." รู้จักทำงานเป็นทีม ไม่ทำงานแบบตัวใครตัวมัน โดยเฉพาะผู้นำคุณภาพจะต้องเป็นผู้จุดประกายในด้านนี้ ในขณะเดียวกันผู้นำต้องหยั่งรู้ลักษณะบุคคลากรว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ความคิด ความเชื่อ ความสามารถในด้านใด เพื่อมอบหมายงานให้ตรงกับความถนัดของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม
3. ต้องเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับบุคลากร ทั้งภายในและนอกองค์กร การสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับบุคลากร ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อหน่วยงานเป็นผลทางด้านจิตวิทยา ทำให้ทุกคนเกิดการยอมรับ ศรัทธา
4. ต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ขงจื้อกล่าวว่า " แม่ทัพที่มีความสามารถอาจถูกแย่งไปด้วยกำลัง แต่ความมุ่งมั่นไม่สามารถแย่งชิงไปได้" ผู้นำคุณภาพจึงต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ขณะเดียวกันต้องตั้งความหวังไว้สูง (High Expectation) เพื่อให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด นอกจากนี้การทำงานต้องเน้นที่ผลงานเป็นหลัก สังเกตได้จากผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อให้งานประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ความมุ่งมั่นจะประกอบด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เพราะในการทำงานย่อมมีอุปสรรคและปัญหาคอยทำลายความตั้งใจ และสมาธิ หลวงวิจิตรวาทการเคยกล่าวไว้ว่า " ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง อุปสรรค และปัญหาคือหนทางแห่งความสำเร็จ " ซึ่งต้องเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร เราต้องมองว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรานั้น เป็นไม้บรรทัดวัดความอดทนและความมุ่งมั่นในการทำงานของเรา เช่น ถ้าว่าวจะขึ้นได้ต้องมีลมต้าน ปลาเป็นย่อมว่ายทวนน้ำ มีแต่ปลาตายเท่านั้นที่ลอยตามน้ำ
5. ผู้นำคุณภาพจะต้องมีความรู้ความสามารถในการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีและใช้ข้อมูลสถิติในการวิเคราะห์และตัดสินใจ ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้นำนวัตกรรม (Innovation leader ship) มีความสามารถในการจัดการกับความรู้ (Knowedge Mangement) และใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งใช้ข้อมูลทางสถิติและงานวิจัยมาประกอบในการตัดสินใจ ผู้นำต้องใช้การบริหารที่ยึดความจริงเป็นหลัก โดยไม่ใช้ความรู้สึก ต้องกล้าพูดความจริงเกี่ยวกับปัญหาไม่ปิดปัญหาหรือการแก้ไขแบบสร้างวิมานในอากาศคงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก ให้ระลึกไว้เสมอว่า "คุณภาพมิใช่เรื่องบังเอิญ แต่คุณภาพเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ
5. ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือลูกน้อง
ลักษณะของผู้นำคุณภาพที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ต้องสนับสนุนและช่วยเหลือลูกน้องทั้งในด้านส่วนตัวและส่วนรวม ในด้านส่วนตัวผู้นำต้องให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ลูกน้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ผู้นำต้องหาความช่วยเหลืออย่างทันที ในกรณีที่ไม่สามารถช่วยเหลือด้วยตนเอง ก็ควรแนะนำและชี้ทางให้ ไม่ควรปฏิเสธอย่างขาดเยื่อ
6. ต้องมีความสามารถในการสื่อสาร
ผู้นำจะต้องสามารถสื่อสารกับบุคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำจึงต้องมีบุคลิกภาพที่ดีมีการพูดจาที่น่าเชื่อถือ มีวาทศิลป์สามารถพูดจูงใจได้ขณะเดียวกัน ควรมีลักษณะอ่อนน้อมอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่ดีต่อการบริหารและการจัดการ ซึ่งผู้นำที่เข้มแข็งมิได้หมายถึงผู้นำที่แข็งกระด้าง
7.ต้อง มีความสามารถในการใช้แรงจูงใจ
การใช้แรงจูงใจในการทำงานนับว่ามีความสำคัญต่อการบริหารและการจัดการเพื่อให้งานประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งแรงจูงใจนั้นมีทั้งแรงจูงใจภายในและภายนอก ผู้นำจึงต้องวิเคราะห์แยกแยะบุคลากร และใช้ความสามารถในการใช้แรงจูงใจ เพื่อผลักดันให้บุคคลทำงานอย่างเต็มกำลังสามารถ
8. ต้อง เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ( Chang Leadership )
ผู้นำคุณภาพจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมไปสู่ความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่ ความคิดที่ออกนอกกรอบหรือกฏเกณฑ์เดิม เพื่อประยุกต์งานให้เกิดความก้าวหน้า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า " การแก้ปัญหาในเรื่องเดิม จะต้องใช้วิธีการใหมเท่านั้นจึงจะประสบผลสำเร็จ " ถ้าเรายังมัวย่ำอยู่กับปัญหาเดิม ๆ โดยไม่เปลี่ยนแปลงวิธีการมีแต่จะสะสมปัญหาไปเรื่อย ๆ เหมือนดินพอกหางหมู และในที่สุดก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง
สุภาษิตจีนกล่าวว่า "เข้าถ้ำเสือ จึงจะได้ลูกเสือ" ผู้นำจึงต้องอาศัยความเสี่ยงในการตัดสินใจต่อความเสี่ยงนั้นจะทำให้งานเกิดความก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพราะการทำงานนอกเหนือจากหน้าที่แล้วได้ผลดี ถือว่าเป็นงานชิ้นโบแดงที่ควรแก่ความภูมิใจ ดูตัวอย่างพระเจ้าตากสินที่ให้แม่ทัพนายกองทุบหม้อข้าวแล้วปลุกใจให้ไพล่พลฮึกเหิมเพื่อตีเมืองจันทบุรีเพื่อจะไปกินข้าวในเมืองเป็นต้น ซึ่งเป็นการใช้หลักของการบริหารความเสี่ยงเพื่อให้เกิดชัยชนะเป็นต้น ดังนั้นในปัจจุบันนี้การบริหารที่รอนโยบายหรือ " การทำงานแบบขุนพลอยพยักหรือนายว่าขี้ข้าพลอย "ควรหมดสมัยได้แล้ว