Monthly Archives: February 2012

เคล็ดลับในการบริหารองค์กร

ในองค์กร หรือบริษัทขนาดกลางหรือขนาดย่อมที่เพิ่งก่อร่างสร้างตัว จำเป็นจะต้องมีผู้บริหารที่มีความรู้และทักษะในงานบริหารจัดการที่ดี จึงจะสามารถบริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพและนำไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และนำพาองค์กรให้ก้าวหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มุ่งสู่ความเป็นที่หนึ่งในอนาคต ดังนั้น ในการเป็นผู้บริหารที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีเคล็ดลับในการบริหารองค์กรด้วย ซึ่งมีเทคนิคที่จะเสนอดังต่อไปนี้
1.รู้จักและรู้ใจลูกค้าของตน ผู้บริหารที่ดีจะต้องรู้จักลูกค้าของตนเองให้ดีก่อนจึงค่อยมาทำการพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับลูกค้าของตน โดยสิ่งที่ผู้บริหารต้องรู้เกี่ยวกับลูกค้าและสินค้า คือ คุณค่าของสินค้าที่ลูกค้าต้องการคืออะไรและทำไม กระบวนการในตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นอะไรและมีกำหนดกรอบเวลาในการตัดสินใจอย่างไร เป้าหมายของสินค้าคืออะไร ต้นทุนสินค้าเป็นเท่าใด ควรจะนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านใดมาเพื่อพัฒนาสินค้าของตนเป็นต้น

2.รู้จักวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของลูกค้า ลูกค้าแต่ละรายล้วนมีความแตกต่างกัน วัฒนธรรมหรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละประเทศย่อมต่างกันไปด้วย ผู้บริหารต้องคิดให้กว้างไกล เพื่อที่จะดำเนินการ ให้เหมาะกับประเทศที่ลูกค้าอยู่ ซึ่งสิ่งนี้จำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องรู้และเข้าใจวิธีชีวิตของลูกค้าในประเทศที่ต้องการไปนำเสนอสินค้า การเข้าไปคลุกคลีกับลูกค้า เพื่อทำการศึกษาและหาข้อมูลเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถคัดสรรสินค้าที่ต่างกันและเหมาะกับลูกค้าของตนในแต่ละประเทศได้ การพัฒนากลยุทธ์ให้เหมาะกับแต่ละประเทศเป็นปัจจัยสำคัญให้ผู้บริหารประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ
3.เป้าหมายชัดเจนวัดผลได้ ควรกำหนดเป้าหมายและวิธีการวัดผลเป้าหมาย เช่น ยอดขาย ส่วนแบ่งตลาด กำไรก่อนภาษี ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม เช่น วัดเป็นจำนวน เปอร์เซ็นต์ มูลค่าเงิน เป็นต้น เป้าหมายต้องสำเร็จได้ เป็นจริงได้ และต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม
4.กำหนดแผนงานไว้ให้ชัดเจน ผู้บริหารต้องรับผิดชอบในการกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวและแผนงานประจำปี เพื่อเป็นแนวทางให้ไปถึงเป้าหมายที่มุ่งหวังได้ แผนงานจะรวมถึงข้อความที่กำหนดนิยาม ของคุณค่าที่จะให้กับลูกค้า และข้อเปรียบเทียบในเชิงแข่งขันกับคู่แข่ง นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์และกลวิธีก็ควรจะมีการระบุให้ชัดเจนและต้องให้ทุกคนในทีมงานรับรู้ และเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
5.ต้องเรียนรู้วิธีเข้าถึงทรัพยากรที่ต้องการ ผู้บริหารจะต้องรู้ว่า องค์กรจะต้องมีทรัพยากรในด้านใดจึงจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินงานไปได้ และที่สำคัญคือ จะต้องรู้ว่าจะได้ทรัพยากรเหล่านั้นมาได้อย่างไร เช่น คน เวลา ทุน ผู้บริหารต้องขายความคิดเหล่านี้ให้กับพนักงานเพื่อให้ทุกคนรับรู้และสนับสนุนการทำงานของผู้บริหารในการพัฒนาสินค้าใหม่ขึ้นมาในทิศทางเดียวกัน
6.พัฒนาทักษะในการบริหารบุคลากร ทักษะในการบริหารบุคลากร เป็นสิ่งที่จะวัดความสามารถของผู้บริหารในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายได้ ผู้บริหารจะต้องมีความเป็นผู้นำและสามารถกระตุ้น ให้ทุกคนตระหนักในการทำงาน การเข้าถึงพนักงานด้วยการสอบถามพนักงาน จะช่วยให้ผู้บริหารรับรู้ปัญหาในการทำงาน และนำมาแก้ไขเพื่อให้สามารถปรับปรุงการทำงาน ให้ดีขึ้นได้ และสิ่งสำคัญผู้บริหารจะต้องบอกให้ทุกคนในองค์กรรู้ว่าผู้บริหารต้องการสิ่งใดจากพวกเขา
7.สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดอยู่เสมอ การแข่งขันในระยะยาวจำเป็นจะต้องมีสินค้าใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดอยู่เสมอ ผู้บริหารจะต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เช่น คน โรงงาน อุปกรณ์ เพื่อให้สามารถ ออกสินค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ในการแข่งขัน ยิ่งถ้าสินค้าใดมีต้นทุนคงที่ต่ำ ยิ่งต้องพยายามออกสินค้านั้นให้เร็วที่สุด เนื่องจากสินค้าลักษณะนี้ จะถึงจุดคุ้มทุนได้เร็ว
8.คำว่า"ขอบคุณ"ใช้ให้ชินปาก ผู้บริหารต้องเรียนรู้ในการพูดคำว่า "ขอบคุณ" กับทุกคนในองค์กรไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงหรือต่ำ คำว่า "ขอบคุณ" เป็นเพียงคำสั้น ๆ แต่เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง เมื่อใช้อย่างเหมาะสม เช่น การที่ผู้บริหารกล่าวขอบคุณพนักงานระดับปฏิบัติที่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ดีในการแก้ปัญหาในการทำงาน ย่อมจะทำให้พนักงานรู้สึกดีเป็นอย่างมากและมีกำลังใจในการทุ่มเทการทำงานให้เต็มที่ยิ่งขึ้นไปอีก ผู้บริหารที่อ่อนน้อมถ่อมตนไม่บ้าอำนาจจะเป็นที่รักของลูกน้อง และพนักงานทุกระดับ การทำงานอย่างมีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกลและเป็นไปได้ จะช่วยเติมไฟ และพลังในการทำงานในพนักงานทุ่มเททำงานอย่างมุ่งมั่น และสนุกกับงานที่ทำ อันจะส่งผลให้องค์กรก้าวหน้าสู่ความเป็นหนึ่งในที่สุด

ขอฝากคำคมไว้ว่า

อย่ากลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่เริ่มต้น

นิทาน สามัคคีสยบสิงห์

สิงห์โตวัยหนุ่มตัวที่น้องๆ เห็นอยู่นี้ เป็นสิงห์โตที่เกเรมาก มันมีเพื่อนคู่ใจที่มีนิสัยพอๆ กัน คือ เจ้านกกาทั้งสองจะไปไหนด้วยกันเสมอส่วนเจ้านกกานั้นก็ชอบยุแหย่เจ้าสิงห์โตให้ระรานไปทั่วฝ่ายเจ้าสิงห์โต พอโดนเจ้านกกายกย่องยุแหย่ก็บ้าลูกยอ ฮึกเหิมลำพองใจ" นี่เจ้าสิงห์ ในป่านี้ หรือในโลกนี้ก็ว่าได้ เจ้านะทั้งเก่ง ทั้งเท่ห์ ที่สุดเลยสมกับเป็นเจ้าป่าจริงๆ ข้านะคิดถูกแล้วที่มาคบกับเจ้าเนี่ย!.." เจ้ากาพูดอะ ฮ้า..แน่น๊อน แม้แต่ช้างตัวโตที่สุดบนผืนแผ่นดินนี้ ยังไม่กล้ามายุ่งกะข้าเลยหรือว่าไม่จริง ฮ่าๆๆ..ๆๆ..เอิ๊ก" เจ้าสิงห์คุยซะใหญ่โตด้วยความที่ไม่มีใครมายุ่งและไม่กลัวใคร ก็เลยระรานเขาไปทั่ว  ทั้งสองเดินเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลิน จนไปเจอเข้ากับมดแดงรังหนึ่งเจ้ากาพูดยุแหย่ "เอ้ย..ดูนั่นสิเจ้าสิงห์ เจ้าเห็นรังมดแดงนั่นไหม  ช่างใหญ่น่าเตะเสียนี่กระไร ขยี้มันเลยดีกว่าเจ้าพวกตัวกระจ้อยร่อยหมั่นไส้ ดูสิทำเป็นขยัน มันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอกเจ้าสิงห์ตัวมันเล็กนิดเดียวเอง ขนาดช้างยังกลัวเจ้าเลย เอาเลย"ว่าแล้วเจ้าสิงห์โตผู้ทรนงก็เข้าไปลุยเตะรังมดกะว่าให้บ้านมดพังกระจุยไปเลย พลางบ่นว่า " แก้เซ็งดีกว่าอยู่เฉยๆ เน๊าะฝ่ายเจ้ามดแดงเมื่อรู้ว่าโดนทำร้าย ก็เฮโลเรียกพวกมาช่วยกันต่อต้านเจ้าสิงห์ด้วยการกัดไปตามจุดอ่อน เช่น เข้าไปกัดในรูหู กัดตา กัดในรู จมูก เจ้าสิงห์ถึงกับวิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง ช่างเจ็บปวดยิ่งนัก ฝ่ายเจ้ามดก็พากันดีใจที่สามารถเอาชนะปราบปรามเจ้าสิงห์ได้หัวหน้ามดจึงพูดว่า  " นี่คือผลจากความสามัคคีของพวกเราพี่น้องทุกคน สามารถทำให้เจ้าสิงห์โตเกเรตัวใหญ่หนีไปได้  แม้ว่าเราตัวเล็กแต่ถ้าเราร่วมมือสามัคคีกัน ศัตรูก็ทำอะไรเราได้ยาก ฝ่ายเจ้าสิงห์จอมเกเรต้องมานั่งช้ำใจ ต้องเจ็บตัว และเกิดความสำนึก  ที่มองข้าม ดูถูกสัตว์ตัวเล็กๆ นึกว่าจะรังแกได้ง่าย ยิ่งปวดใจเข้าไปอีก  เมื่อเจ้านกกาจอมยุแหย่บินหนีไปไม่ช่วย สิงห์โตคอตกคิดได้ และคงต้องเลิกเกเรอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า " สามัคคีคือพลัง ร่วมด้วยช่วยกันกระทำการใดก็สำเร็จไปด้วยดี "

กลยุทธ์ของการบริการ ด้วยวิธีชนะใจลูกค้าด้วยการบริการ

ในปัจจุบัน ธุรกิจมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นต่างฝ่ายต่างงัดเอายุทธวิธีทางการตลาดขึ้นมาใช้ไม่ว่าจะเป็นการลดแลกแจกแถม การคิดค้นสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกธุรกิจจะขาดเสียไม่ได้คือ กลยุทธ์ของการบริการ ซึ่งหมายถึงวิธีชนะใจลูกค้าด้วยการบริการ เบื้องหลังความสำเร็จทางธุรกิจ เรามักพบว่างานบริการเป็นเครื่องมือสนับสนุนงานด้านต่างๆ เช่นงานประชาสัมพันธ์ งานต้อนรับ งานฝ่ายการตลาด เป็นต้นเพราะถ้าบริการดี ลูกค้าเกิดความประทับใจ ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งการบริการยังถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กรทว่าการบริการจะดีหรือไม่ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับตัวของพนักงาน และอีกส่วนขึ้นกับความใส่ใจขององค์กรที่จะพัฒนางานด้านบริการนี้ขึ้นมา
พนักงานนักบริการอย่างแท้จริง
วิธีสร้างนักบริการมืออาชีพองค์กรต้องสรรหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติบุคลิกภาพที่เหมาะสม จากนั้น จึงพัฒนาเทคนิคการบริการให้กับบุคลากร ซึ่งในแต่ละเรื่อง มีรายละเอียด ดังนี้
คุณสมบัติของผู้ให้บริการ สิ่งที่ผู้ให้บริการควรมีเป็นอันดับแรกคือความเป็นคนที่รักในงานบริการ เพราะคนที่รักในงานบริการจะมีความเข้าใจและให้ความสำคัญต่อลูกค้ามีความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือลูกค้ายิ้มแย้มแจ่มใสและเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอดทนอดกลั้นเมื่อถูกลูกค้าตำหนิต่อว่า นอกจากนี้ พนักงานที่ให้บริการควรเป็นผู้รู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีด้วย
บุคลิกภาพทั้งลักษณะการแต่งกายที่แลดูสะอาดเรียบร้อยรวมไปถึงอากัปกิริยาที่แสดงออก เช่น การยิ้ม การหัวเราะ การแสดงท่าทางประกอบการพูด สิ่งเหล่านี้ควรเป็นไปโดยธรรมชาติ
เทคนิคการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนทนาเพราะการสนทนาเป็นสื่อกลางระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการการสนทนาให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ มีวิธีการง่ายๆ ดังนี้ สร้างความเป็นกันเอง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความอุ่นใจ แสดงความเป็นมิตรโดยอาจแสดงออกทางสีหน้า แววตา กิริยาท่าทางหรือน้ำเสียงที่สุภาพ อ่อนโยน มีหางเสียง อาทิเช่น ขอประทานโทษครับ(ค่ะ) มีอะไรให้ผม(ดิฉัน)ช่วยประสานงานได้บ้างครับ(ค่ะ) กรุณารอสักครู่นะครับ(ค่ะ) เป็นต้น การพูดจาต้องชัดเจนง่ายต่อการเข้าใจ และไม่เร็วหรือรัวจนลูกค้าไม่รู้เรื่อง
เน้นการฟังเป็นหลัก คือ ผู้ให้บริการควรตั้งใจฟังด้วยความอดทนขณะที่ลูกค้าพูดไม่ควรแสดงอาการที่ไม่พอใจออกมาสบตากับลูกค้าเป็นระยะพร้อมกิริยาตอบรับ
ทวนคำพูด เพื่อแสดงให้ลูกค้าทราบว่าผู้ให้บริการกำลังตั้งใจฟังในเรื่องที่ลูกค้าพูดอยู่
องค์กรเป็นเยี่ยมบริการเป็นยอด
องค์กรมีส่วนสำคัญที่จะช่วยพัฒนางานด้านบริการเป็นอย่างมากเพราะองค์กรถือเป็นแกนหลักในการกำหนดแนวทางการให้บริการเพื่อตอบสนอง ต่อความพึงพอใจของลูกค้าและเทคนิคการพัฒนาระบบงานขององค์กรให้เกิดความสะดวกสบายต่อผู้ใช้บริการ มีดังนี้ จัดระบบการทำงานให้เกิดความคล่องตัว องค์กรควรปรับลดขั้นตอนที่ยุ่งยากให้ง่ายขึ้น เพื่อสร้างการบริการที่สะดวกรวดเร็ว จัดทำลำดับขั้นตอนการให้บริการองค์กรควรจัดทำขั้นตอนการบริการให้ง่ายและไม่ซับซ้อนเพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าสามารถทำตามได้อย่างถูกต้องและไม่สับสน เรียนรู้ความต้องการของลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ตู้รับความคิดเห็น การสอบถามพูดคุยจากคำตำหนิติเตียนและคำชมเชยต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางปรับปรุงงานบริการในครั้งต่อไป ฝึกอบรมพนักงานให้เกิดทักษะการบริการที่ดีเพื่อนำไปปรับใช้กับส่วนงานที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่