Monthly Archives: March 2012

สุขกับงาน

ความสุขในการทำงานของพนักงานจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่พนักงานรู้สึกสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงความสามารถของทีมงานที่จะกระตุ้นให้ พนักงานเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบและใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

      ความสุขของคนที่ได้จากการทำงานในองค์กร เมื่อมาทำงานในแต่ละวัน มีความแตกต่างกับความสุขที่เกิดขึ้นกับแต่ละบุคคลอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีองค์ประกอบมากมายที่ต้องมาผสมผสานกัน ต้องอาศัยความเข้าใจจากทุกฝ่ายในองค์กรต้องอาศัยวัฒนธรรมองค์กรที่จะเป็นตัวผลักดันให้เป้าหมายเดินไปได้ อีกทั้งต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้นำองค์กรอีกด้วย การทำงานให้มีความสุขเกิดจากหลายอย่าง เช่น การให้พนักงานออกกำลังกาย การจัดมุมเอื้ออาทรโดยการจัดให้มีการแลกเปลี่ยน จัดให้มีกิจกรรมสังคมร่วมกัน จัดให้มีสันทนาการร่วมกัน จัดให้การพัฒนาทักษะเรื่องอาชีพเสริม จัดให้มีพระเทศน์ชื่อดังเข้ามาสอนในเรื่องธรรมะ จัดโครงการเงินฝากประจำให้กับพนักงาน จัดให้มีการประกวดภาพถ่ายครอบครัวพร้อมบรรยากาศประทับใจภายในครอบครัว ในขณะนี้จะสังเกตเห็นว่าคนเราใช้เวลาในที่ทำงานมากกว่าที่บ้าน ฉะนั้นเราต้องทำงานด้วยความสุข เพราะความสุขที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้ชีวิตของทุกคนดำรงชีวิตอยู่ได้ ความสุขจึงเป็นเรื่องที่คนทุกคนต้องการมากกว่าสิ่งใด ๆ แต่การได้มาซึ่งความสุขก็ไม่ได้มาง่าย ๆ มนุษย์อาจจะมีความสุขเมื่อมีเวลาอยู่กับครอบครัว มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว บางคนแม้จะต้องอยู่อาศัยอย่างลำพังในที่พักตนเองโดยไม่มีครอบครัว ก็มีความสุข บางคนไม่ชอบอยู่บ้านแต่ชอบท่องเที่ยว, จับจ่ายซื้อของ นั่นก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งซึ่งทราบกันดีว่าที่มนุษย์มีความต้องการที่แตกต่างกันเสมอ       เห็นหรือยังว่าการทำงานอะไรก็แล้ว  หรือจะทำอะไรก็ตามถ้าเรามีความสุขการทำงานนั้นเราก็จะทำงานได้อย่างมีความสุข  และสนุกกับมันทำโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  และงานที่ออกมาก็จะได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

นิทาน...ไม่พอใจในสิ่งที่มี

มีอีกาฝูงหนึ่งหลังจากกินอาหารเสร็จก็มาประชุมถกปัญหากัน แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เหล่าอีกาไม่พอใจก็คือ ขนสีดำของมันนั่นเอง ถึงแม้จะเป็นสีดำสนิทเงางาม แต่พวกมันกลับไม่ชอบ พวกอีกากลับหลงไหลขนอันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ของหงษ์ และก็พากันอิจฉาอยากมีขนสีขาวๆ เหมือนหงส์บ้าง   กาตัวหนึ่งพูดขึ้นว่า "ข้าว่าเป็นเพราะหงษ์ชอบลงอาบน้ำบ่อยๆ และได้อาศัยอยู่ข้างลำธาร จึงทำให้ขนเป็นสีขาว"    อีกตัวจึงได้พูดตอบว่า "เออ คิดๆ ดูอาจจะจริงอย่างที่นายว่าก็ได้ถ้างั้ นพวกเราควรจะว่ายน้ำกันบ่อยๆ และพักอยู่ใกล้สระน้ำซะเลย เราจะไดัมีขนสีขาวเหมือนหงษ์ไง ..โห..แค่คิดก็เท่ห์แล้ว"       เมื่อทุกตัวลงความเห็นเหมือนกันเรียบร้อยแล้ว พวกอีกาทั้งหมดได้พากันละทิ้งรังเก่าของตัวเอง ที่อยู่กันมานานแสนนาน แล้วอพยพกันไปอยู่ใกล้ๆ กับริมลำธาร เมื่อมาถึงพวกอีกาพากันเฮโลลงไปอาบน้ำกันอย่างสนุกสนาน โดยลืมไปว่าตัวเองนั้นเป็นอีกา พากันเล่นน้ำตลอดทั้งวันทั้งคืนเพราะคิดว่า ยิ่งแช่น้ำนานเท่าไหร่ ยิ่งขาวได้เร็วขึ้นเท่านั้น  แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ขนก็ยังคงเป็นสีดำเหมือนเดิม เมื่อกาทั้งหลายเหน็ดเหนื่อยพากันขึ้นจากน้ำไม่ทันข้ามวัน แต่ละตัวเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ จากนั้นไม่นานก็พากันป่วยไข้ไปตามๆ กัน  อีกาทั้งหลายก็พากันเจ็บป่วยล้มตายกันทีละตัวสองตัว ในที่สุด....ก็เหลือแต่ซากความทรงจำสุดท้าย ของอีกาที่อยากจะเป็นหงส์

การสร้างความสุขในการทํางาน

เทคนิคการสร้างความสุขในการทํางานด้วยการบริหารตนเอง (Techniques for Improving Happiness in the Workplace) คุณเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าคุณมีความสุขกับงานที่ทำอยู่หรือไม่? คุณมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อคุณทำงานแล้วไม่สนุกกับสิ่งที่ทำ? คุณรู้สึกหดหู่หรือเบื่อหน่ายเมื่อคุณกำลังก้าวเข้าออฟฟิตของคุณบ้างไหม? คุณรู้สึกไหมว่าช่วงเวลาในการทำงานของคุณช้ามาก? คุณเป็นคนที่ชอบหาโอกาสที่จะลางานอยู่เสมอหรือไม่? ทั้งหมดนี้เป็นคำถามเพื่อให้คุณเริ่มสำรวจตัวคุณเองว่าคุณกำลังมีความสุขหรือความทุกข์ในชีวิตการทำงานของคุณ และคุณเองนั่นแหละที่จะบอกได้ว่าคุณกำลังมีความสุขและสนุกกับช่วงวันเวลาในการทำงานของคุณอยู่หรือไม่
++ทุกข์สุข อยู่ที่ใจ….คงไม่มีใครที่จะทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ได้นอกจาก "จิตใจของคุณเอง" ซึ่งเป็นความคิด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อบุคคล สิ่งของ หรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คุณเข้าไปสัมผัส ทั้งนี้โดยทั่วไปคุณจะปล่อยให้จิตเป็นนายคุณ …. นั่นแหละที่คุณจะปล่อยให้ความรู้สึกต่าง ๆ เข้ามามีผลทำให้คุณมีความสุขหรือความทุกข์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างตัวคุณ
ดังนั้นการบริหารหรือควบคุมจิตจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสุขและสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่ ดังนั้นคุณควรฝึกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว…...โดยมีเทคนิคและวิธีการง่ายๆดังนี้
1. "อย่า" คิดเล็กคิดน้อย" กับเรื่องเล็กน้อย (Don't be petty Minded) คุณอย่าเก็บเอาเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิดซะทุกเรื่อง พยายามอย่าเอาคำพูดหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมาเป็นอารมณ์ ให้คิดเสียว่ามันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป.. หากคุณมัวแต่เอาเวลามาคิดว่า วันนี้นายมาต่อว่าคุณทำงานแย่มาก ลูกค้าบ่นว่าคุณพูดจาไม่สุภาพ เพื่อนร่วมงานชอบพูดจาเสียดสีคุณย่อมแน่นอนว่าคุณจะไม่มีเวลาในการคิดพัฒนางานของคุณเลย คุณควรจะ "คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก" โดยฝึกคิดแต่สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในหน้าที่การงานจากสังคมหรือคนรอบข้างตัวคุณ ดังนั้นคุณควรใช้เวลาในแต่ละวันกับการคิดถึงเป้าหมายของคุณและคุณจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้จะดีกว่า และความคิดเหล่านี้เองมันจะส่งผลให้คุณมีความกระตือรือร้นในการทำงาน สนุกกับสิ่งที่คุณทำอยู่ตลอดเวลา
2. "อย่า" ต่อว่าองค์กร (Don't blame the company)  มีหลายต่อหลายคนที่มีความรู้สึกไม่รักในองค์กรที่กำลังทำงานอยู่ คุณไม่มีความรู้สึกผูกพันกับองค์กร และมีความรู้สึกว่า "ทนอยู่" เพื่อรอรับเงินเดือนเมื่อครบสิ้นเดือนเท่านั้น คุณมักจะต่อว่าหรือพูดถึงองค์กรของคุณในทางที่ไม่ดี….ปรับเงินเดือนน้อย ให้โบนัสแค่นี้เอง บริษัทน่าจะมีอย่างโน้น อย่างนี้และอื่น ๆ อีกมากมายคุณอย่าลืมว่าคุณเองเลือกที่จะทำงานอยู่ในองค์กรแห่งนี้ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบ้านที่สองของคุณ โดยคุณต้องใช้เวลาอยู่ในบ้างที่สองแห่งนี้อาจมากกว่าเวลาที่คุณอยู่ในบ้านของคุณเสียอีก และเพราะคุณเลือกที่จะทำงานในองค์กรนี้แล้วทำไมคุณไม่เลือกที่จะรักในองค์กรที่คุณกำลังใช้ชีวิตร่วมด้วย คุณอย่าบอกว่าทนทำงานอยู่ในองค์กรนั้น ๆ เพราะว่าคุณไม่มีที่ไป ดังนั้นขอให้คุณย้อนคิดไปว่าไม่มีองค์กรไหนที่เห็นความสำคัญของตัวคุณ นอกจากองค์กรที่คุณกำลังทำงานอยู่ เพราะเค้ารับคุณและยอมให้คุณมาร่วมงานด้วยซึ่งเค้าเห็นศักยภาพและความสามารถของตัวคุณเอง….องค์กรของคุณให้โอกาสคุณ ซึ่งไม่เหมือนกับองค์กรอื่น ๆ ที่ปฏิเสธและไม่ยอมรับคุณคิดเพียงเท่านี้ คุณจะมีความรู้สึกดี ๆ กับองค์กรของคุณ อาจไม่ถึงขนาดว่าจะต้องรักหรือผูกพันก็ได้ (ไม่ห้ามกัน)ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความสุขในการทำงานให้กับองค์กรของคุณเอง
3. "อย่า" เลือกทำงานที่รัก (Love the work that you do and don't do only the work that you love) หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถเลือกทำงานที่ตนเองรักได้ ขอให้คุณเลือกที่จะรักงานที่คุณทำ และเพื่อให้คุณมีความสุขและรู้สึกสนุกกับงานที่คุณกำลังทำอยู่ ขอให้คุณพิจารณาในสิ่งต่อไปนี้
1. งานที่คุณกำลังทำคืออะไร
2. ประโยชน์อะไรที่คุณได้จากการทำงานนั้น ๆ
3. คุณมีวิธีในการพัฒนาปรับปรุงงานของคุณอย่างไร
4. คุณต้องปรับปรุงศักยภาพหรือความสามารถในด้านใดบ้าง
5. คุณจะหาวิธีการในการเรียนรู้งานใหม่ ๆ ได้อย่างไร
6. งานที่ทำอยู่มีอะไรบ้างที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์กับเป้าหมายของคุณในอนาคต
ขอให้คุณใช้เวลาในการคิดและหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ แล้วคุณจะพบ "คุณค่า (Value)" ที่เกิดขึ้นในตัวคุณ ซึ่งคุณค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวคุณนี้เองจะทำให้คุณทำงานอย่างมีความสุข มีความตื่นตัวและกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ มีความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองและการทำงานให้ดีขึ้น และพร้อมที่จะเรียนรู้งานใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

4. "อย่า" ให้ร้ายหัวหน้างาน (Don't belittle your boss)หัวหน้างานมีหลายประเภท หลากหลายรูปแบบหัวหน้าเจ้าอารมณ์หัวหน้าสั่งอย่างเดียว หัวหน้าชอบคนประจบหัวหน้าที่วันวันทำแต่งาน….ซึ่งในชีวิตของการทำงานคุณคงจะเลือกทำงานกับหัวหน้างานในแบบฉบับที่คุณชอบไม่ได้อย่างแน่นอน คุณมักจะพบเจอกับหัวหน้างานหลากหลายประเภทที่อาจทำให้คุณกุมขมับอยู่ทุกวัน นั่นอาจเป็นเพราะคุณเข้ากับหัวหน้าของคุณไม่ได้ หรือคุณมีความรู้สึกว่าหัวหน้างานของคุณน่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าน่าจะสอนงานคุณ เค้าน่าจะทำงานและรู้งานมากกว่าคุณ เค้าควรจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณ)ไม่ควรทำอย่างโน้น อย่างนี้ (เค้าไม่ควรพูดแบบนี้..เค้าไม่ควรสั่งงานคุณอย่างนี้) มีหลากหลายประเภทที่คุณจะพบเจอในองค์กรของคุณเองซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือคุณควรเข้าใจในเหตุผลของความคิดและการกระทำของหัวหน้างานของคุณเองคุณควรเคารพและให้เกียรติหัวหน้าคุณ คอยสนับสนุนและช่วยเหลือหัวหน้าคุณเท่าที่จะทำได้
5. "อย่า" ดูถูกเพื่อนร่วมงาน หรือคนรอบข้าง (Don't look down at your colleagues)ไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานโดยลำพัง แน่นอนว่าความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นจากความร่วมมือของบุคคลรอบข้างตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือในด้านการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ การให้ความช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ ซึ่งคุณควรมองคนที่คุณค่าของเค้า อย่าดูถูกความคิดหรือความสามารถของคนอื่น ทุกคนมีความทักษะและความชำนาญในงานที่แตกต่างกัน คุณทำงานของคุณได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานของคนอื่นได้ เช่น คุณสามารถทำงานบัญชีได้ แต่คุณอาจไม่สามารถทำงานคอมพิวเตอร์ได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณควรให้เกียรติเพื่อนร่วมงานหรือคนรอบข้างคุณที่คุณต้องประสานงานหรือติดต่อด้วย พยายามอย่าเอาการศึกษามาวัดที่ค่าของคนหรือความสามารถของคน (มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ใช้วัดความสามารถของคน นอกจากการศึกษา เช่น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ (Emotional Quotient: EQ) ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability)…ขอให้คุณศึกษาและปรับตัวให้เข้ากับคนได้ทุกประเภทและทุกระดับ
ดังนั้นหากคุณมีความคิดที่ดีและการกระทำแต่สิ่งที่ดีต่อองค์กร หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน/คนรอบข้าง และตัวงานของคุณเองเพียงเท่านี้คุณเองย่อมจะมีความสุขและสนุกกับชีวิตในการทำงานของคุณ