ผู้นำแบบ จิ๋นซีฮ่องเต้

ดิฉันมีเรื่อง ศาสตร์และศิลป์ของการบริหารจัดการของจิ๋นซีฮ่องเต้ มาเล่าให้ฟังค่ะ  

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ฉินซีฮ่องเต้ ผู้ริเริ่มการปกครองแบบรวบอำนาจไว้ส่วนกลาง สันนิษฐานว่าประสูติเมื่อ 260 ปีก่อนคริสตกาล ทรงเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นฉิน   จากการรวมประเทศในสมัยราชวงศ์นี้ ทำให้กลายมาเป็นคำเรียกว่าจีนในภาษาไทย และ china ในภาษาอังกฤษ

ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพระองค์เป็นบุตรของใคร แต่โดยทั่วไปเชื่อว่าเป็นบุตรชายของพ่อค้าคนสำคัญคนหนึ่ง ที่ต่อมาภายหลังได้เป็นเสนาบดีคนสำคัญของแคว้นฉิน ชื่อ หลี่ปู้เหว่ย กับมารดาที่เป็นนางสนมชื่อ เจ้าจี แคว้นฉินเป็นแคว้นหนึ่งในประเทศจีน สมัยนั้นซึ่งยังมีแว่นแคว้นต่างๆ มากมาย และมีเจ้าผู้ครองแคว้นของตนเอง  ต่อมา ฉินอ๋อง หรือจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้ทรงรวบรวมแว่นแคว้นต่างๆ เข้ามาเป็นปึกแผ่น เป็นจักรวรรดิจีน และทรงดำรงตำแหน่งจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ -หวงตี้ องค์แรกของจักรวรรดิจีนตั้งแต่ พ.ศ. 323  โดยขนานนามพระองค์เองว่า เป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์จิ๋นหรือราชวงศ์ฉินของพระองค์ ขณะมีอายุเพียง 15 ปี แต่ก็เป็นจุดหักเหสำคัญของประวัติศาสตร์จีน ในการที่จะรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นได้นั้น จิ๋นซีฮ่องเต้และเสนาบดีของพระองค์ นาม หลี่ซือ ต้องยกกองทัพไปตีแคว้นต่างๆ รัฐฉิน ค่อยๆผนวกเอาดินแดนทั้ง6รัฐ รวมเข้าเป็นอาณาจักรเดียวกัน และสถาปนาราชวงศ์ฉินขึ้น เป็นราชวงศ์แรกที่มีความเป็นเอกภาพ มีหลายชนชาติและใช้ระบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่อำนาจส่วนกลาง เพื่อขจัดความกระด้างกระเดื่องของเชื้อพระวงศ์ 6 รัฐเดิม โดยมี หลี่ซือ อัครมหาเสนาบดีเสนอแนะให้รวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง จิ๋นซีฮ่องเต้ ทรงเห็นชอบด้วย กล่าวโดยสรุปแล้วก็คือ สลายระบบเจ้าผู้ครองนครรัฐ การใช้อำนาจรวมศูนย์อยู่ที่องค์จักรพรรดิหรือฮ่องเต้ แต่ผู้เดียว แบ่งเขตการปกครองราชอาณาจักรออกเป็น36 จังหวัด แต่ละจังหวัดมีผู้ว่าการทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร และตำแหน่งผู้ตรวจการอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่ละเขตยังแบ่ง เขตปกครองออกเป็นอำเภอ และรองลงมาเป็นตำบลและหมู่บ้านตามลำดับ  ซึ่งการแบ่งเขตปกครองระดับจังหวัด 36 จังหวัดๆ หนึ่งๆ แบ่งเป็นอำเภอขึ้นตรงต่อส่วนกลาง  ห้ามบรรดาเจ้าราชนิกุล อำมาตย์ และบุคคลใหญ่โตมีที่ดินเป็นของตนเอง เพื่อให้การปกครองขึ้นอยู่กับฮ่องเต้โดยตรง ส่วนแผนกวาดล้างอาวุธ ให้แต่ละถิ่น รวบรวมอาวุธยุทธภัณฑ์ที่เป็นโลหะของชาวบ้านเอามาหลอมเป็นรูปคนตั้งไว้กลางนครเพื่อเป็นเครื่องประดับรวม 12 ตัว ตัวหนึ่งหนักราว 144,000 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังแก้ไขอักษรจีนให้เขียนสะดวกขึ้น ขณะเดียวกันจิ๋นซี ยังสั่งให้สร้างถนนหลวงไว้หลายสาย ขนาดกว้าง 75 เมตร สองข้างทางปลูกต้นไม้ใหญ่ ส่วนผลงานที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากคือ การฆ่าหมู่นักศึกษาที่เป็นปรปักษ์ และการเกณฑ์ชาวบ้านไปสร้างกำแพงเมืองจีนยาวเหยียดถึง 2,200 กิโลเมตรเพื่อรักษาอาณาเขต รวมถึงการเผาทำลายหนังสือและสังหารนักปราชญ์ไปจำนวนมาก  ซึ่งทำให้ศิลปะวิชาต่างๆต้องชะงักลง เพราะไม่สามารถสร้างวิชาอะไรขึ้นมาได้อีก  เนื่องจากฉินซีฮ่องเต้ทรงเกรงว่านักคิดปัญญาชนเรียนรู้ประวัติศาสตร์แล้วจะนำความรู้ที่เล่าเรียนมา คัดค้านการปกครองและทำให้ ประชาชนในอาณาจักรพลอยสับสนไปด้วย พระองค์จึงมีพระบรมราช โองการให้เผาทำลายหนังสือประวัติศาสตรที่บันทึกเรื่องราวของรัฐต่างๆ ทั้งหมด ยกเว้นประวัติศาสตร์ของรัฐฉิน และหนังสือว่าด้วยการแพทย์ การทำนายพยากรณ์และการเกษตร ตามข้อเสนอของหลี่ซือ เสนาบดี ของพระองค์ ส่วนใครที่ยังชอบวิพากษ์วิจารณ์ พระองค์ จะทรงถือเป็น การดูหมิ่นพระองค์อย่างรุนแรง ทรงมีบัญชาให้ดำเนิน การสอบสวน และท้ายสุด ให้ลงโทษด้วยการฝังทั้งเป็น เนื่องจากพระองค์ทรงดำริว่า  ถ้าต่างแคว้นต่างมีวัฒนธรรมความคิดของตนเองแล้ว การที่จะทำให้แผ่นดินเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ 

ทางด้านเศรษฐกิจ ฉินซีฮ่องเต้ทรงสนพระทัยการเกษตร แต่ไม่ได้ส่งเสริมการค้า ส่งเสริมการพัฒนาระบบกรรมสิทธิ์ส่วนตัวของที่ดินแบบสังคมศักดินา ฉินซีฮ่องเต้ทรงสั่งการให้เจ้า ของที่ดินและเกษตรกรที่ทำไร่ไถนา ซึ่งได้ครอบครองที่ดินอยู่แล้วเพียงแต่ แจ้งจำนวนที่ดินและเสียภาษีแก่รัฐบาลเท่านั้น รัฐบาลก็จะให้การรับรอง หรือคุ้มครองกรรมสิทธิ์ของพวกเขา จากนั้น จึงได้กำหนดระบบ กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลในที่ดินไว้ตั้งแต่บัดนั้น เพื่อให้การปกครองทั่วทั้งอาณาจักรได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิ ภาพและให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้โดยสะดวก ฉินซีฮ่องเต้ ทรงมีพระบรมราชโองการกำหนดให้ ทั่วทั้งอาณาจักรใช้ภาษาหนังสือ มาตราชั่งตวงวัดเป็นมาตรฐานอย่างเดียวกันทั้งหมดและเพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายกำลังทหาร การติดต่อคมนาคมและการสื่อ สารระหว่างกันภายในอาณาจักร

ฉินชีฮ่องเต้ทรงบัญชาให้สร้าง ทางหลวงขึ้นรวมทั้งให้ขุดคลองเพื่อการคมนาคมทางน้ำด้วย นอกจากนั้น ยังมีการสร้างถนนระหว่างมณฑลหูหนาน เจียงซี กว่างตุงและกว่างซี ในปัจจุบัน
ตลอดไปจนถึงเขตที่อยู่ห่างไกล นอกจากตัดถนนแล้ว ยังมีการขุดคลองหลิงฉวีในเขตปกครองตนเอง เพื่อเชื่อมกับแม่น้ำหลีเจียงและแม่น้ำเซียงเจียงในมณฑลหูหนานในปัจจุบัน พระองค์ทรงริเริ่มสร้างผลงานที่โลกต้องยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งก็คือ กำแพงเมืองจีน มีระยะทางราว6,000กิโลเมตร เท่ากับ12,000ลี้  หรือกำแพงหมื่นลี้ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อป้องกันประเทศจีนจากชนเผ่าทางเหนือ โดยการสร้างครั้งนี้ มีการบันทึกว่ามีประชาชนชาวจีนและเชลยศึกจำนวนมหาศาลต้องสังเวยชีวิตไปในการสร้างกำแพงครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีสุสานของพระองค์ ซึ่งยังปริศนาให้ชาวโลกรอไขความจริง

แม้ว่าพระองค์ จะทรงถูกชาวโลกจดจำว่าเป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมหรือเป็นทรราชย์องค์หนึ่งของโลก แต่ชาวจีนก็ยังคงยกย่องพระองค์ให้เป็นบิดาผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น ซึ่งเคยแตกกระจายเป็นแว่นแคว้นต่างๆ มานานกว่าสองสหัสวรรษ และการปฏิรูปทั้งหลายของพระองค์ ก็ยังคงมีผลกระทบถึงคนเราในปัจจุบัน และต่อมาแคว้นฉินก็แตกได้อย่างง่ายดายในปี 337 หลังจากจิ๋นซีฮ่องเต้ สวรรคต เนื่องจากอำนาจทั้งหมดควบคุมไว้ที่ศูนย์กลางที่เดียว

Comments are closed.