องค์กรต้องการประสิทธิภาพอย่างสูง แต่สภาพแวดล้อมล้วนบั่นทอนต่อประสิทธิภาพการทำงาน

วิกฤติเศรษฐกิจ ส่งผลอะไรต่ออะไรมากมาย ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัว ไกลตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในองค์กร ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกและภายใน ขณะที่องค์กรต้องการประสิทธิภาพอย่างสูง  แต่สภาพแวดล้อมล้วนบั่นทอนต่อประสิทธิภาพการทำงาน เพราะพนักงานต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หดหู่  นั่งลุ้นกับสภาพขององค์กรที่อยู่บนเส้นด้าย  ความกดดัน ความเครียด ทำให้ภูมิคุ้มกันของศักยภาพการทำงานลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ปัญหาสารพันล้วนมาจากสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน เริ่มตั้งแต่นโยบายขององค์กรที่เปลี่ยน ทั้งท่าทีของผู้บริหาร ระบบการทำงาน เป้าหมายที่เพิ่มขึ้นและท้าทายความสามารถอย่างรุนแรง ในขณะที่คนทำงานไร้หนทางที่จะสู่เป้าหมายที่องค์กรต้องการ งบประมาณลดลงจนแทบจะไม่มีเครื่องมือ หรือกระสุนสำหรับการต่อยอด  การแข่งขันกับภายนอกองค์กรก็ย่ำแย่ซ้ำยังต้องเผชิญกับการแข่งขันในองค์กรอีก  หัวหน้าหรือเจ้านายก็ดูเหมือนไร้มนุษยธรรมมากขึ้น การถูกกลั่นแกล้งให้ได้อาย เสื่อมยศ เสื่อมเกียรติ หมดศักดิ์ศรี ล้วนเป็นสภาพแห่งความกดดันชวนให้อยากลาออกไปจากองค์กร

คำถามคือทางออกของเรื่องเหล่านี้  ประสิทธิภาพของการทำงานจะเกิดขึ้นได้อย่างไร  และองค์กรจะรอดและถึงเป้าหมายที่สูงส่งได้อย่างไร เมื่อ พนักงานขององค์กรเต็มไปด้วยความเครียดและคับข้องใจ องค์กรจะอยู่รอดอย่างไร หากไม่ได้ใจพนักงาน ต่างสถานะ ต่างมุมมองเมื่อมองในด้านขององค์กร  ก็พบว่ามีหลายแนวทางที่องค์กรต้องมีการปรับทิศทางที่สำคัญ สำหรับกลยุทธ์ที่ควรหยิบมาใช้ในส่วนขององค์กรที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง   กระจุกดีกว่ากระจาย  ภาวะคับขันอาจต้องเปลี่ยนวิธีการบริหารจากการกระจายเป็นการกระจุก  คัดสรร สิ่งที่เป็นข้อดีของแต่ละกลุ่มธุรกิจภายในองค์กร ทั้งในส่วนของความรู้ งบประมาณ การลงทุนและเครือข่าย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดร่วมกัน การขยายความร่วมมือในธุรกิจเดียวกันมากขึ้น ซึ่งนอกจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้เกิดการได้เปรียบทางการแข่งขันมากกว่าการต่างคิดต่างทำ  การกำหนดเป้าหมายร่วมกัน การชี้แจง สร้างความชัดเจน มีเป้าหมายร่วมกันด้วยการผสมผสานทุกส่วนขององค์กร เป็นภารกิจร่วมของหน่วยงานและองค์กร ไม่ใช่แยกเป็นส่วนๆ  ทุกฝ่ายต่างมีช่องทางและโอกาสช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เน้นขับเคลื่อนทรัพยากรขององค์กรทั้งภายในและการขับเคลื่อนสู่ภายนอก ไม่ใช่จากข้างนอกสู่ข้างใน  ใช้การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ทั้งภายในและภายนอก  การใช้วิธีการ เครื่องมือ ช่องทางที่เหมาะสมโดยเน้นการสื่อความที่ชัดเจนภายในร่วมกัน การสื่อสารที่ชี้ชัดกลุ่มเป้าหมาย ประเด็น วิธีการจัดการที่เจาะลึกมากยิ่งขึ้น เป็นเวลาที่องค์กรต้องเลือกและตัดสินใจว่าอยากเน้นในส่วนใดบ้าง ต้องการความร่วมมือ ค่านิยมร่วมกันอะไรบ้าง การเรียงลำดับความสำคัญของความต้องการขององค์กรเฉพาะเท่าที่จำเป็นก่อน  การสื่อสารที่สม่ำเสมอแบบสองทางเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับในช่วงระยะเวลานี้  การแสดงความจริงใจขององค์กร  การสร้างความพึงพอใจ ความผูกพันในระยะยาว ไม่เพียงกับลูกค้า นักลงทุน ผู้ถือหุ้น ชุมชน และสังคมเท่านั้น  พนักงานเป็นกลไกที่สำคัญมาก จริงใจ ไม่หลอกลวง นับเป็นสิ่งที่องค์กรควรสร้างให้เกิดความเด่นชัดที่สุด

Comments are closed.