ศิลปะการบริหารงานแบบ เซน

ดิฉันมีเรื่อง ศิลปะการบริหารงานแบบเซนมาเล่าให้ฟังค่ะ   มีวัดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีไก่ฝูงหนึ่ง ทุกๆเช้าเวลาประมาณตีห้า ไก่ที่เป็นจ่าฝูงจะลุกขึ้นมาขัน พอขันเสร็จแล้วก็จะเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นประมาณหกโมงเช้าทุกวัน หลังจากที่ขัน ไก่ตัวนั้นก็เฝ้าสังเกตดูพระอาทิตย์ จนมีความคิดว่าพระอาทิตย์ขึ้นก็เพราะตัวเองขัน          ดังนั้นถ้าวันไหนที่ฉันไม่ขัน พระอาทิตย์ก็จะไม่ขึ้น ไก่ตัวนั้นสรุปออกมาอย่างนั้นจนมีความเชื่อเช่นนั้นมานานปี และทุกๆเช้ามันก็จะกุลีกุจอมาขันทุกวันเป็นประจำ และก็เฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นทุกวันรวมทั้งยังมีความกังวลว่า ถ้าวันไหนตัวเองไม่ขัน พระอาทิตย์ไม่ขึ้นแน่ๆ  ต่อมาวันหนึ่ง ไก่ตัวนั้นเกิดป่วยขึ้นมา  จึงโก่งคอขันไม่ได้ พยายามเปล่งเสียงอย่างไรก็ไม่มีเสียงเหมือนเช่นทุกวัน มันจึงมีความห่วงใยโลกว่า ถ้าวันนี้ขันไม่ได้ พระอาทิตย์จะไม่ขึ้นก็พยายามอยู่อย่างนั้น จนไก่โต้งลูกชายมองเห็นอาการผิดปกติของพ่อ จึงถามพ่อว่า พ่อให้ผมขันแทนพ่อไหม๊?  ผมก็เสียงดีนะ  ฝ่ายพ่อมองลูกตั้งแต่หัวจรดเท้า  แล้วถามว่า เอ็งนึกว่าเอ็งเป็นใคร จะมาขันแทนพ่อ  น้ำหน้าอย่างเอ็งมายืนขันแทนชั๊น คิดว่าตะวันจะขึ้นได้อย่างนั้น รึ? ลูกชายหน้าจ๋อยไปเลย  ทั้งๆที่เจ็บคอมาก แต่ไก่ตัวนั้นก็ยังฝืนสังขารลุกขึ้นมาขัน  ขันเสร็จเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้น แต่ยังไม่ทันได้เห็นว่าพระอาทิตย์ขึ้นหรือเปล่า ก็ขาดใจตายเสียก่อน ไก่ผู้เป็นพ่อไม่เคยรู้สักนิดว่า การที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือไม่ขึ้น ไม่เกี่ยวกับการขันของมันเลย ไก่ตัวนั้นเข้าใจผิดจนตัวตาย ว่าที่พระอาทิตย์ขึ้น เพราะเกี่ยวกับการขันรับพระอาทิตย์ของมัน  ผู้บริหารหรือผู้นำที่ดี ต้องมีวิธีการบริหารที่จะทำให้ชนะใจลูกน้อง สิ่งที่จำเป็นมากสำหรับคนที่เป็นผู้นำก็คือ ต้องแบ่งงานให้คนอื่นช่วยทำ ช่วยบริหาร ช่วยจัดการ ถ้าไม่แบ่งงานให้คนอื่นช่วยทำ ผู้นำก็ต้องแบกภาระนั้นอยู่แต่ผู้เดียว จะต้องรู้สึกหนักทั้งกายและหนักทั้งใจ จากนั้นสุขภาพ ก็จะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่พร้อมกันเดินเข้าหาท่านผู้นำเหล่านั้น   

การเริ่มต้นเดินทางของมนุษย์ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำนั้น เราจะต้องมีความรัก และจะต้องมีความลุ่มหลง และต้องหัดหมั่นถามตัวเองว่า เรารักอะไร รักที่จะทำอะไร และเราลุ่มหลงที่จะทำอะไร อยากเป็นอะไร เพราะคนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะถามคำถามแบบนี้กับตัวเอง ที่สำคัญคนที่ประสบ ความสำเร็จเขารักในสิ่งที่เขาทำ และจะทำในสิ่งที่ตัวเองรักเท่านั้น  เพราะความรักทำให้เกิดพลัง พลังเป็นผลพลอยได้ของความรัก และความรักทำให้เกิดแรงกระตุ้นไปข้างหน้า  เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากทำตามจุดประสงค์ของคุณ คุณก็ต้องรู้ว่าคุณรักที่จะทำอะไร" "นอกจากนั้นเราจะต้องรู้จุดแข็ง ของตัวเอง หรือรู้ความสามารถของตัวเอง และพยายามทำในสิ่งที่เรามีนั้น ซ้ำๆ กัน  อยู่เรื่อยๆ จนเกิดความชำนาญ อย่าไปทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เป็นอันขาด เพราะจะทำให้เสียเวลา"

การที่มนุษย์คนหนึ่ง จะประสบความสำเร็จในชีวิต จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำนั้น เขาจะต้องรู้จุดประสงค์ ในชีวิต และเมื่อรู้จุดประสงค์แล้ว จะต้องพยายามค้นหา และจะต้องพยายามไปให้ถึงเป้าหมาย การที่คนๆหนึ่ง จะประสบความสำเร็จ หรือเป็นผู้นำคนอื่นได้นั้น เราต้องรู้จุดประสงค์ของตัวเอง ต้องมีความฝัน และจะต้องมีการบริหาร การตัดสินใจ ทั้งยังต้องเพิ่มคุณค่าให้ผู้อื่น เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพ เพราะถ้าทำทั้งหมดนี้ได้ คุณก็จะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จและไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว หากแต่ต้องปฏิบัติเช่นนี้ ตลอดไปด้วยค่ะ

Comments are closed.