ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีนายพรานสองพ่อลูกปลูกกระท่อมพักอาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น อาชีพของนายพรานก็คือ การหาของป่าไปแลกเปลี่ยนกับข้าวปลาอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ จากในเมือง ทุกเช้านายพรานผู้พ่อจะเข้าป่า ส่วนลูกชายจะอยู่ที่กระท่อม คอยหุงหาอาหารไว้คอยท่าพ่อ เมื่อพ่อกลับมาในตอนเย็น วันหนึ่งนายพรานออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อนเข้าไปหาของป่าอย่างเคย บังเอิญเขาถูกงูเห่ากัด อาการสาหัสมาก แต่ถึงกระนั้น นายพรานก็พยายามแข็งใจเดินกลับมายังกระท่อมของเขาจนได้ แล้วนายพรานก็เรียกลูกชายมาบอกว่า "ลูกรัก พ่อถูกงูเห่ากัดเสียแล้ว คราวนี้เห็นทีจะไม่รอด คงไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเจ้าอีกต่อไปแล้ว" "ต่อไปนี้เจ้าต้องช่วยตัวเองนะลูก เข้ามาใกล้ ๆ พ่อซิ แล้วเจ้าจงจำคำพ่อไว้ พ่อมีของดีอยู่อย่างหนึ่งนั้นคือ นอแรด เมื่อพ่อสิ้นใจไปแล้ว เจ้าจงเอานอแรดในย่ามนี้ไปถวายพระราชา อย่าลืมทำตามที่พ่อสั่งนะลูกนะ" นายพรานพูดจบก็ยื่นย่ามใส่นอแรดให้แก่ลูกชาย แล้วเขาก็ขาดใจตาย
ฝ่ายลูกชายนายพราน เมื่อพ่อตายก็มีความเศร้าโศกเสียใจ แต่ก็พยายามสะกดใจไว้รีบนำศพพ่อไปฝัง แล้วกราบลาศพพ่อมายังกระท่อมที่พัก ตรงไปหยิบย่ามที่ใส่นอแรดสะพายบ่าเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อถวายนอแรดแด่พระราชาตามที่พ่อสั่งไว้ เขาเดินทางไม่กี่วันก็ถึงเมืองหลวง จึงตรงไปยังประตูชั้นนอก แล้วพูดกับนายประตูชั้นนอกว่า "ท่านนายประตู ผมต้องการจะเข้าเฝ้าพระราชา ท่านจะกรุณาผมหน่อยจะได้ไหม" "เอ็งต้องการจะเข้าเฝ้าพระองค์ท่านด้วยธุระอันใดหรือ" นายประตูถามด้วยความสงสัย "ผมมีของดีอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาถวายท่าน" "ของดีอะไรของเอ็งหรือ ไหนข้าขอดูหน่อย" "นอแรดนี้ไงของดีที่ว่านั้น" ลูกชายนายพรานพูดพร้อมควักนอแรดออกมาจากย่ามให้นายประตูดู
นายประตูเมื่อเห็นลูกชายนายพรานมีนอแรดที่สวยงามจริง ๆ ก็คิดในใจว่า "ถ้าลูกชายนายพรานนำไปถวายพระราชาแล้ว พระองค์คงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และอาจพระราชทานรางวัลให้แก่ลูกชายนายพรานเป็นจำนวนมาก" เมื่อคิดดังนั้นแล้ว นายประตูชั้นนอกก็เกิดความโลภขึ้นมาทันที อย่ากระนั้นเลยเราจะต้องขู่เข็ญให้เด็กคนนี้แบ่งรางวัลที่ได้รับแก่เราส่วนหนึ่ง จึงพูดกับลูกชายนายพรานว่า "นี่เจ้าเด็กน้อย ถ้าข้านำเจ้าเข้าไปถวายนอแรดแด่พระราชา แล้วพระองค์พระราชทานรางวัลให้แก่เจ้า เจ้าจะต้องแบ่งรางวัลนั้นให้แก่ข้าครึ่งหนึ่งนะ ถ้าไม่ตกลงข้าก็คงจะพาเจ้าเข้าเฝ้าไม่ได้หรอก" ลูกชายนายพรานได้ยินดังนั้นก็เกิดความไม่พอใจนายประตู ที่เป็นคนเห็นแก่ได้ ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จึงคิดว่าถ้ามีโอกาสจะหาทางสั่งสอนนายประตูผู้นี้ให้รู้สำนึก แล้วพูดกับนายประตูว่า "ตกลง ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับให้แก่ท่านครึ่งหนึ่งแน่นอน" ว่าแล้วนายประตูชั้นนอกก็พาลูกชายนายพรานเข้าไปยังประตูชั้นใน พบนายประตูชั้นใน ก็เล่าเรื่องที่ลูกชายนายพรานจะขอเข้าเฝ้าพระราชาเพื่อถวายนอแรด และมอบรางวัลครึ่งหนึ่งให้แก่ตน ให้นายประตูชั้นในฟัง นายประตูชั้นในได้ฟังเรื่องทั้งหมด ก็เกิดความโลภอยากได้ในส่วนแบ่งจากรางวัลบ้างเหมือนกัน จึงพูดกับลูกชายนายพรานว่า "แล้วข้าละ เจ้าจะให้อะไรบ้าง ถ้าข้าจะพาเจ้าเข้าไปเฝ้าพระราชา" "เอาเถอะผมจะไม่เอาอะไรเลย แต่ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับทั้งหมดให้แก่ท่านทั้งสองคนละครึ่ง" ลูกชายนายพรานพูดยืนยัน ส่วนในใจนั้นก็คิดว่าจะหาโอกาสสั่งสอนคนทุจริตเห็นแก่ได้นี้ให้รู้สำนึกบ้าง นายประตูชั้นในได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมาก จึงรีบพาลูกชายนายพรานเข้าเฝ้าพระราชาทันที เมื่อหมอบถวายบังคมแล้ว ลูกชายนายพรานก็หยิบนอแรดจากถุงย่ามถวายแด่พระราชา พระราชาทอดพระเนตรนอแรด ทรงพอพระทัยมาก จึงตรัสขึ้น "แล้วทำไมเจ้าถึงต้องนำนอแรดนี้มาถวายข้าด้วยล่ะ" พระราชาตรัสถามต่อ
"พ่อของข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งไว้ก่อนตายว่า ขอให้นำนอแรดนี้มาทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระองค์ พระพุทธเจ้าข้า" "และเจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน เจ้าบอกข้ามาได้เลย ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่าง" ลูกชายนายพรานสมหวังดังใจ จึงคิดที่จะสั่งสอนนายประตูทั้งสองคน ให้เห็นโทษของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ จึงกราบทูลไปว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองสิ่งของใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะทูลขอพระองค์สองอย่าง พระพุทธเจ้าข้า" "อย่างแรก ข้าพระพุทธเจ้า ขอให้พระองค์รับข้าพระพุทธเจ้าไว้เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดไป พระพุทธเจ้าข้า" "อย่างที่สอง ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานรางวัลการโบยหลังให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าสัก 100 ที พระพุทธเจ้าข้า" "เจ้าเป็นอะไรไปหรือ โบยหลัง 100 ที เจ้าจะเอาไปทำไม เจ้านี่หาเรื่องเจ็บตัวเปล่า ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี" พระราชาตรัสถามด้วยความแปลกพระทัย "หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะขอแบ่งรางวัลการโบย 100 ทีนี้ให้แก่นายประตูทั้งสองคน คนละครึ่งตามที่ได้ให้สัญญาไว้แก่นายประตูทั้งสอง ก่อนที่จะนำข้าพระพุทธเจ้าเข้าเฝ้าพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า" "อย่างนั้นหรือ เจ้าฉลาดมาก ข้าจะชุบเลี้ยงเจ้าและแต่งตั้งให้เป็นมหาดเล็กหลวงต่อไป และข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต ส่วนนายประตูทั้งสองนั้น ทหารนำตัวทั้งสองคนไปโบยหลังคนละ 50 ที เดี๋ยวนี้"ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้ คือ
1. การเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ชีวิต
2. คนที่คดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงาน ในที่สุดก็จะถูกจับได้และถูกลงโทษ ทำให้เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียงและวงศ์ตระกูล
3. ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด ย่อมสามารถเอาตัวรอดได้เสมอ