ผู้บริหารส่วนใหญ่มักคิดว่า ตัวเองเป็นศูนย์กลางของความคิด

ท่านผู้อ่านค่ะ คราวนี้ดิฉันมีบทความดีๆ ของคุณบุญชัย โชควัฒนา กรรมการอำนวยการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ได้เขียนไว้ใน คอลัมพ์ CEO Blogs ในหนังสือกรุงเทพธุรกิจ วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ว่า 

ผู้บริหารส่วนใหญ่มักจะคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางความคิด ความสำเร็จของงานทั้งหมด ยิ่งมีประสบการณ์มาก  ยิ่งทำงานสำเร็จมามากเท่าไร  ยิ่งทำให้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จมากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าผู้บริหารจะฉลาดและเก่งอย่างไร แต่หากขาดผู้บริหารมือรองลงไปหรือขาดทีมงานที่มีความสามารถ งานก็จะไม่ประสบความสำเร็จ  Teamwork จึงเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม ถ้าไปศึกษาดูบุคคลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจการงาน จะพบว่าแทบทุกคนจะมีลูกทีมที่เก่งและเข้มแข็ง ในทางตรงกันข้ามธุรกิจที่มีผู้บริหารที่เก่งอยู่คนเดียว หรือที่เราเรียกว่า One Man Show ธุรกิจนั้นอาจจะเจริญก้าวหน้าได้ระยะหนึ่งตราบเท่าที่ผู้บริหารท่านนั้นยังมีความสนใจอยู่   แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้บริหารท่านนั้นเลิกความสนใจไปจากตรงนี้  เนื่องจากคิดว่าตนเองประสบความสำเร็จมากแล้ว ก็จะปล่อยปละละเลย ไม่สนใจ ดังนั้นปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ  ผู้บริหารระดับรองลงไปก็จะไม่สามารถต่อยอดธุรกิจให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ ซึ่งนี่คือเรื่องปกติของวงจรธุรกิจที่เกิดขึ้นเป็นประจำ  ดังนั้นผู้นำต้องสำนึกอยู่เสมอว่าความสำเร็จของตนขึ้นอยู่กับลูกน้องทั้งนั้น ผู้นำที่ดีและฉลาดจะเอาใจใส่ดูแลลูกน้องให้เขามีความสุข พัฒนาทักษะ ให้ความรู้กับลูกน้อง และเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้ทำงานตามความคิดของเขาเองด้วย ผู้นำต้องสร้างแรงจูงใจและกำลังใจให้ทีมงานทุกคนพร้อมที่จะเดินทางไปในทิศทางเดียวกันเดียวกัน  และเมื่อเกิดปัญหาก็ต้องใช้หลักความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมคิด ร่วมกันทำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน นั่นคือปัจจัยที่จะทำให้เกิดความสำเร็จ ความยั่งยืนของธุรกิจก็จะเกิดขึ้น  ถ้ามี Teamwork ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง จริงใจ สามัคคี และเสียสละ ธุรกิจก็จะยั่งยืนต่อไปได้ เพราะการขับเคลื่อนองค์กรต้องมาจากความร่วมมือผลักดันของทุกฝ่าย ของทุกคนจึงจะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้  การทำงานเป็นทีมก็เปรียบเสมือนการเล่นกีฬา  ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล หรือตะกร้อ ที่จะต้องทำงานประสานกันเป็นทีม  ถ้าทีมไหนสามารถประสานการเล่นเป็นทีมได้ดีที่สุดเท่าใดโอกาสชนะก็มีมากเท่านั้น แต่ถ้าไม่มีการวางแผนหรือไม่มีการประสานงานกัน ชัยชนะก็จะไม่เกิด ในการทำงานก็เช่นเดียวกันไม่เคยปรากฏเลยว่า มีบริษัทใดสามารถประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจโดยปราศจากทีมงานที่ดี  ดังนั้นการทำงานเป็นทีมจึงหมายถึงการประสานงานที่ดี  และสามารถผสมกลมกลืนกันอย่างมีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานร่วมกัน  ตัวอย่างของเรื่อง นกเป็ดน้ำมาเปรียบเทียบกับการทำงานเป็นทีม ซึ่งทำให้เข้าใจ และเห็นภาพความสำคัญของการทำงานเป็นทีมได้อย่างชัดเจนมาก  โดยเนื้อหาในบทความไว้ว่า  ปกติทุกๆ ฤดูในยุโรป เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง นกเป็ดน้ำจะบินลงไปทางทิศใต้ ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่านกเป็ดน้ำบินเป็นรูปตัววีหัวกลับ การบินแบบนี้จะทำให้นกเป็ดน้ำตัวหลังไม่ต้องใช้แรงบินมากมายเหมือนการบินเดี่ยวๆ เพราะมีแรงดึงของตัวแรก และในแถวที่สอง ซึ่งการบินแบบนี้จะช่วยให้นกเป็ดน้ำบินได้ความเร็วเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับนกเป็ดน้ำที่บินตัวเดียว

และเมื่อบินไปซักพัก ตัวที่เป็นผู้นำจะเกิดความเหนื่อย ดังนั้นมันจึงบินไปต่อท้ายกลุ่ม และนกเป็ดน้ำในลำดับถัดมา จะบินขึ้นมาเพื่อนำกลุ่มนกเป็ดน้ำไปสู่จุดหมาย ขณะบิน ตัวที่เป็นผู้ตามจะส่งเสียงร้องเชียร์นกเป็ดน้ำผู้นำ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ ทำให้ตัวผู้นำมีความเชื่อมั่น และบินนำกลุ่มของมันไปจนถึงจุดหมายได้

ลักษณะการบินเป็นกลุ่มของนกเป็ดน้ำก็คือ การทำงานเป็นทีม ซึ่งทุกคนในทีมจะต้องมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน ทำในทิศทางเดียวกัน มีความสามัคคีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน ทีมจึงจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ดังนั้นองค์กรที่มีความเข้าใจในการทำงานเป็นทีมอย่างลึกซึ้งและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างจริงจัง ก็จะสามารถนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล

 

Comments are closed.