นิสัยและพฤติกรรมของผู้บริหาร บางอย่างส่งผลกับการทำงานโดยส่วนรวม

ท่านผู้อ่านทราบไหมค่ะว่า นิสัยและพฤติกรรมของผู้บริหาร บางอย่างส่งผลกับการทำงานโดยส่วนรวม หรือ มีผลกระทบกับพนักงานโดยตรง แต่ผู้บริหารส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยมองตนเองว่า ตัวเองมีความผิดพลาดในจุดไหนบ้าง หรือ อาจจะมองไม่เห็น ดังนั้น หากผู้บริหารฯ ได้รับรู้หรือ เข้าใจพฤติกรรมของตัวเอง ว่ามีผลอย่างไรกับการบริหารงานแล้ว ก็จะสามารถปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ และช่วยให้ส่วนรวม องค์กร และ พนักงาน สามารถประสานงานกันได้ดียิ่งขึ้น...

ผู้บริหารบางคน ขาดความมั่นใจในตนเอง มักปล่อยให้ลูกน้องทำไปตามความเคยชิน หรือ สอบถามอะไรก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้เลย ผู้บริหารในกลุ่มนี้มักขึ้นมาจากการเป็นลูกน้องที่ดี เชื่อฟังหัวหน้างาน และ ทำงานตามคำสั่ง แต่เมื่อขึ้นมาเป็นผู้บริหารแล้ว พฤติกรรมดังกล่าว ก็ยังคงติดมา ทำให้ ลูกน้องที่มีผู้บริหารเช่นนี้ เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจไปด้วย วิธีแก้ของผู้บริหารที่ขาดความมั่นใจ ต้องแก้ไขโดยการหัดตัดสินใจ และ สั่งงานในสิ่งที่ตนเองมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ หรือ ตนเองมีความรู้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้ผู้บริหารเกิดการแสวงหาความรู้เพิ่มมากขึ้น เพื่อจะได้มีความมั่นใจในการตัดสินใจและสั่งงานได้ถูกต้องมากขึ้น ทำให้ภาพรวมทั้ง องค์กร และ ตนเองดีขึ้นด้วยนะคะ

ผู้บริหารที่ทำงานทางด้านการบริหารมานาน จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง จนมักไม่ค่อยฟังความคิดเห็นของลูกน้อง ทำให้พลาดคำเสนอดีๆไป ผู้บริหารกลุ่มนี้ มักเป็นคนชอบใช้คำสั่ง โดยไม่ได้มองสภาพการณ์ในการทำงานจริงๆของลูกน้องสักเท่าไหร่ ลูกน้องที่ชอบทำตามคำสั่งจะชื่นชมเจ้านายกลุ่มนี้ แต่ลูกน้องที่มีความคิดสร้างสรรเป็นของตนเอง จะไม่ค่อยชอบ เพราะความคิดของเขาจะไม่ถูกเอามาปฏิบัติเลย ความมั่นใจในตนเองเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่มั่นใจในตนเองมากไป ก็จะส่งผลเสียด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้บริหารกลุ่มนี้ จึงควรที่จะรับฟัง และ วิเคราะห์ความคิดเห็นของลูกน้องก่อนการตัดสินใจอะไรไป ต้องเริ่มคิดว่าทุกคนมีความคิดเห็นที่ดี ดังนั้น ต้องขอความคิดเห็นของลูกน้องบ่อยๆ และ วิเคราะห์หาเหตุผล เพื่อบอกให้ลูกน้องทราบว่า คุณคิดเช่นใด ความคิดของเขานั้นมีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร ผู้บริหารก็จะได้ใจของพนักงาน และ ได้แลกเปลี่ยนทัศนคติซึ่งกันและกัน ทำให้องค์กรโดยรวมมีความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น และ ทุกครั้งที่ลูกน้องเสนอความคิดเห็น ต้องใส่ใจในข้อคิดเห็นเหล่านั้นอย่างจริงใจทุกครั้งด้วยนะคะ

ผู้บริหารบางท่านจะจู้จี้ขี้บ่น บ่นได้ทุกอย่าง ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ เจ้าระเบียบก็เท่านั้น ลูกน้องบางคนก็ไม่ค่อยชอบ เลยทำงานร่วมกันได้ยาก การตามงานเป็นสิ่งที่ควรทำของผู้บริหารก็จริง แต่การที่ตามงานแล้ว งานไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็บ่นๆๆๆๆ ถ้าไม่คิดมากก็อยู่ได้ แต่ถ้าคนคิดมากบางทีก็พาลลาออกเพราะเจ้านายจู้จี้ขี้บ่นก็มี
ผู้บริหารกลุ่มนี้ต้องไปฝึกจิตให้นิ่งเพิ่มมากขึ้นสักหน่อยนะคะ รู้จักปล่อยวาง และ เข้าใจเขาเข้าใจเรา

ผู้บริหารบางคน ชอบคุยโวว่าเขาประสบความสำเร็จอย่างนั้น อย่างนี้มา เป็นสมาชิกชมรมโน้น ชมรมนี้ ไปเล่นกลอฟกับคนนั้น คนนี้มา เพื่อนเป็นนักร้อง ดารา นักแสดง หรือแม้นแต่ การคุยว่าที่ทำงานเก่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ ผู้บริหารกลุ่มนี้ มักชอบคุย ชอบแอบอ้าง ซึ่งบางเรื่องเขาแค่เข้าไปเพียงเล็กน้อย หรือ มีส่วนร่วมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็เอามาคุยเป็นเรื่องเป็นราวได้ คนที่พูดยกยอตัวเองมากๆ ส่วนใหญ่ทำงานไม่ค่อยเก่ง เพราะสมองเอาไปใช้ในการคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นอย่างไร คนกลุ่มนี้มักเป็นคนที่มีปมด้อยในอดีต ต้องการความยอมรับจากสังคมหรือจากลูกน้อง หากปรับปรุงการพูดให้น้อยลง และ สร้างผลงานให้มากขึ้น ก็จะดีไม่น้อย ลูกน้องที่มีผู้บริหารอย่างนี้ ถ้าจับจุดได้ว่าเขาต้องการคนฟังสิ่งที่เขาพูด ก็จะก้าวหน้าได้เร็วเช่นกัน ผู้บริหารบางคนเป็นคนที่เสนองานเก่ง แต่อาจจะคิดไม่เก่ง เมื่อลูกน้องคิดขึ้นมาก็จะเอามาเป็นผลงานของตัวเอง ไม่เสนอหรือบอกให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้ว ผลงานชิ้นนี้เป็นของลูกน้องคนนั้น คนนี้ เมื่อลูกน้องรู้เข้า ก็จะไม่เลื่อมใสอีก การเสนองานของผู้บริหาร ต้องเสนองานให้เป็น ต้องให้เครดิตกับลูกน้องที่เสนอผลงาน แต่ก็ต้องกำกับความรับผิดชอบของตนลงไป แค่นี้ ก็จะได้ผลงานทั้งสองฝ่าย ลูกน้องจะไม่ชอบเจ้านายที่ขโมยผลงาน แต่จะชอบเจ้านายที่สนับสนุนผลงานของเขามากกว่า แต่ถ้าผู้บริหารที่ไม่มีหัวคิดเอาเลย แล้วต้องการผลงานจริงๆ บางคนก็ใช้วิธีนี้ค่ะ... เจอเจ้านายที่จ้องแต่จะขโมยผลงาน ก็จะได้ลูกน้องที่ไม่เสนอผลงานเลย... แล้วองค์กรจะไปรอดไม๊เนี่ย...

ในวันนี้ ดิฉันขอฝากคำคม ไว้ว่า

                                              ความรีบร้อนมักนำความผิดพลาดมาให้เสมอ

 

Comments are closed.