เรื่องเล่า จากแดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง

ท่านผู้อ่านค่ะ ในหลายเดือนก่อนดิฉันได้นำเรื่อง การจัดการกับเรือไททานิค มาเล่าให้ฟังมาแล้ว มาคราวนี้ดิฉันขอนำซีรี่ส์เกาหลีชื่อดัง เรื่อง แดจังกึม  จอมนางแห่งวังหลวง  มาเล่าสู่กันฟังนะค่ะ  ท่านที่ได้ติดตามเรื่องนี้ อาจมีคำถามในใจว่าผิดด้วยหรือที่คนเก่งอย่าง ซอจังกึม โดนกลั่นแกล้งจนบางคนทนดูเรื่องนี้อีกต่อไปไม่ได้   หากวิเคราะห์ขีดความสามารถ (competency) ที่รวมถึงความรู้ (knowledge) ความสามารถ (skill)  บุคลิกลักษณะ (trait) และ นิสัยใจคอ (motive) ของซอจังกึมแล้ว จะพบว่าเธอคือ ผู้มีพรสวรรค์ ขนานแท้ คือ นอกจากมีความรู้ ความสามารถ (high performance) ที่เห็นได้อย่างเด่นชัดในงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นงานปรุงอาหาร และงานรักษาคนป่วย นอกจากนี้ยังมีศักยภาพ (high
potential) ในการเติบโตในงานทั้งสองด้าน อีกทั้งถึงพร้อมด้วยคุณธรรม จริยธรรม (ethics)           ซึ่งประการหลังนี้ ในหลายๆ ครั้งผู้บริหารอาจไม่ได้ใส่ใจในเบื้องต้น จนสนับสนุนให้เติบใหญ่แล้วจึงมาทราบที่หลังว่าสนับสนุนคนผิด         
          เพราะสิ่งนี้จะสร้างความมั่น
ใจในตัวเองให้กับ ผู้มีพรสวรรค์ จนในบางครั้งอาจกระทำการใดๆ ที่ขาดการพิจารณาอย่างถ้วนถี่ หรือหาเหตุของปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา หรือตัดสินใจบนพื้นฐานของประสบการณ์เดิมที่เคยทำสำเร็จมา ซึ่งการกระทำนั้นอาจให้ผลต่างจากอดีตก็เป็นได้ ตัวอย่างตอนหนึ่งจากละครเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นในตอนที่หมอจังกึม คิดจะทำการรักษาคนไข้ที่มีอาการท้องบวมเหมือนกันด้วยวิธีเดียวกัน โดยลืมไปว่าอาการของโรคอาจมาจากสาเหตุที่แตกต่าง    ในอีกด้านหนึ่ง คนที่สังคมยอมรับว่าเก่ง หรือเป็น ผู้มีพรสวรรค์ นั้นก็มักจะถูกคาดหวังจากสังคมอย่างสูง ซึ่งลืมคิดไปว่า คน คนนี้ก็เป็นคนหนึ่ง ซึ่งอาจทำความผิดพลาดได้เช่นกัน จะเห็นว่าหมอจังกึมนั้นถูกคาดหวังจากพระมเหสีอย่างมากในการรักษาพระราชาแต่พออาการของพระราชาไม่ดีขึ้นก็ทำให้ พระมเหสีทรงกริ้วอย่างมาก จนหมอจังกึมเกือบถูกประหาร           เรื่องนี้คงเห็นได้ในหลายๆ องค์กรที่ผู้บริหารมักจะมอบหมายงานสำคัญให้กับคนคนหนึ่งที่เคยทำงานให้ตนสำเร็จงานแล้วงานเล่า          โดยลืมไปว่าเค้าคนนั้นมีขีดจำกัดของความสามารถเช่นเดียวกัน   ส่วนคนที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้มีพรสวรรค์ นั้น  ก็ได้แต่ตั้งคำถามในใจว่า ตนเป็นผู้วิเศษหรืออย่างไรที่จะทำได้ทุกอย่างที่ผู้บริหารมอบหมายมา หรือคิดว่างานนี้อยู่ในคำบรรยายลักษณะงาน (job description) ข้อไหนของตน แต่ถ้าไปถามผู้บริหาร ผู้มีพรสวรรค์ ก็อาจหน้าแตกได้ เพราะทุกเรื่องที่ผู้บริหารสั่งอยู่ในข้อสุดท้ายของคำบรรยายลักษณะงานเสมอ นั่นคือ รับผิดชอบงานที่หัวหน้างานมอบหมาย

                                                         นอกจากนี้การกระทำของหัวหน้าที่มอบหมายงานแต่เฉพาะคนที่ตนเห็นว่าเป็น ผู้มีพรสวรรค์ นั้นอาจทำให้เกิดการแตกสามัคคีในหมู่เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน       "เก่งนักก็ทำคนเดียวแล้วกัน"

                                      "เธอทำนะดีแล้ว หัวหน้าชอบสไตล์เธอ"  "คุณบอกมาแล้วกันว่าจะเอายังไง"  กลายเป็นว่างานที่ควรจะต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ กลับไม่มีคนอยากจะคิดอยากจะทำ เนื่องจากตนรู้สึกว่าด้อยกว่า ผู้มีพรสวรรค์      การจัดการ ผู้มีพรสวรรค์ จึงเป็นสิ่งที่น่าพึงระวังทั้งของคนที่ถูกยกย่องให้เป็น ผู้มีพรสวรรค์ และคนที่คัดเลือก ผู้มีพรสวรรค์ เพราะหากเลือกผิดพลาดก็เท่ากับส่งเสริมคนผิด        แต่หากเลือกถูกก็มิใช่ว่าจะส่งผลดีต่อผู้เลือกและผู้ถูกเลือกเสมอไป         เรื่องนี้จึงทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า "ดีได้แต่อย่าเด่นจะเป็นภัย"

Comments are closed.