ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เราจำเป็นต้องทำงานอย่างมืออาชีพเพื่อทุกคนที่ทำงานร่วมกับเรา เกิดความเคารพในตัวเรา ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ผู้จัดการ แม้ว่าชีวิตการทำงานจะพบกับความเครียด แต่เราก็ต้องควบคุมอารมณ์ของเราให้ดีที่สุด เพราะเมื่อเราแสดงความโกรธและระบายความไม่พอใจของเราออกไป คนรอบข้างจะเกิดความรู้สึกไม่ดี และรู้สึกอึดอัดที่จะพูดคุยติดต่อกับคุณ  ทุกคนจึงควรได้รับการปลูกฝังในเรื่องการรู้จักตนเอง เพื่อให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น ด้วยหลัก 5 ประการในการสร้างมารยาทในการทำงาน ดังนี้

 

·       ไม่ควรนินทาลับหลังเพื่อนร่วมงาน เพราะมันไม่ส่งผลดีต่อตัวคุณเลย อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง และไม่ลงรอยกัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกัน

·     ไม่ควรพูดคุยถึงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานในเวลางาน เจ้านายของคุณอาจมองว่าคุณเอาแต่คุย และไม่เป็นอันทำงาน ดังนั้น ควรเก็บเรื่องส่วนตัวของคุณไว้คุยในช่วงพักกลางวัน หรือหลังเลิกงานจะดีกว่า

·     ไม่ควรให้คำแนะนำแก่เพื่อนร่วมงานโดยที่เขาไม่ได้เรียกร้อง และไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของผู้อื่นไม่ควรพูดถึงปัญหาสุขภาพของตนเอง เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อโอกาสในการเลื่อนขั้นของคุณ หากจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการทำงาน คนเดียวที่คุณจะพูดด้วยก็คือ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล 

       ในยุคที่ social network กำลังแพร่หลาย คุณควรระวังการโพสต์ข้อความต่าง ๆ ในเฟซบุ๊ค หรือบล็อกของคุณ และควรมั่นใจว่าข้อความหรือรูปที่อัพโหลดขึ้นไปจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อหน้าที่การงานของคุณ  มารยาทในการทำงานที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตการทำงานของทุกคน คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่คุณจะรักษามารยาททั้ง 5 ข้อนี้ไว้ให้มั่น เพื่อให้ชีวิตการทำงานของคุณนั้นราบรื่นและยาวนาน

หากสไตล์การทำงานของคุณเป็นแบบเรื่อย ๆ เรียบ ๆ ไม่หวือหวา โดดเด่น ไม่ชอบแข่งขันกับใครแล้วล่ะก็ ระวัง! คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกลืม โลกแห่งการแข่งขันไม่เคยปรานีใคร เมื่อถึงช่วงเวลาการประเมินผลงานเพื่อพิจารณาโบนัส ขึ้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง หรือแม้แต่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดขนาดองค์กร ลดพนักงาน เมื่อนั้น อาจช้าเกินไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง    คนที่โดดเด่น คือคนที่จะถูกนึกถึงก่อน ส่วนคนที่ไม่โดดเด่น ก็จะถูกมองข้ามไป เพราะไม่มีความสำคัญเพียงพอ ถึงเวลาแล้วที่คนไม่สำคัญ ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพิ่มความโดดเด่น และสร้างคุณค่าในตนเอง ให้ทัดเทียมกับคนอื่น ๆ จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในชีวิต   

1. เพิ่มการประชาสัมพันธ์ตัวเอง

การที่หัวหน้ามองข้ามคุณไปนั้น อาจเป็นเพราะคุณประชาสัมพันธ์ตัวเองน้อยเกินไป คุณจึงไม่อยู่ในสายตาของหัวหน้า หัวหน้าอาจไม่รู้ว่าคุณกำลังทำงานโปรเจ็กต์ไหนอยู่ และอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ความคืบหน้าเป็นอย่างไร ดังนั้น คุณควรส่งรายงานความคืบหน้าการทำงานของคุณให้หัวหน้าทราบอย่างต่อเนื่อง และหากคุณได้รับคำชื่นชม หรือคำขอบคุณจากผู้ที่ร่วมงานด้วย ก็ควรนำเสนอหัวหน้า เพื่อเป็นโพรโฟล์ที่ดีของคุณต่อไป

2. อย่าเป็นเพียงไม้ประดับ   ในการประชุมทีม หรือประชุมแผนก เป็นโอกาสอันดีที่คุณจะเพิ่มบทบาท และเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานมากขึ้น ก่อนเข้าประชุมควรมีเตรียมข้อมูลสำหรับประเด็นที่จะหารือกัน การนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อทีมงาน จะทำให้คุณมีคุณค่ามากขึ้นกว่าการเป็นเพียงผู้เข้าร่วมประชุมที่พร้อมจะทำตามข้อตกลงของที่ประชุม

3. รู้จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง   ก่อนที่คุณจะหาวิธีการต่าง ๆ ในการนำเสนอตัวเองให้มีบทบาทโดดเด่นขึ้น คุณจะต้องรู้ตัวก่อนว่า คุณมีจุดอ่อน และ จุดแข็งอะไรบ้าง การรู้จุดอ่อนของตัวเอง ก็เพื่อปรับปรุง พัฒนาทักษะ ความสามารถที่ยังพร่องไปให้ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน คุณต้องทำให้จุดแข็งของคุณเพิ่มคุณค่าและชื่อเสียงในด้านที่คุณเชี่ยวชาญด้วย

4. ขันอาสาช่วยเหลืองานส่วนอื่น  เมื่อมีโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น และต้องการอาสาสมัครเพื่อรับผิดชอบงานชิ้นพิเศษ คนส่วนใหญ่มักจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เสนอตัวรับงานเพิ่มให้ลำบากกาย แต่นี่คือโอกาสของคุณที่จะทำให้คนอื่น ๆ มองเห็นคุณมากขึ้น ยืดอกรับอาสาทำงานไปเลย แสดงให้ทุกคนเห็นว่าคุณมีศักยภาพ แล้วคุณก็จะเป็นที่ยอมรับของทุกคน

5. ช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่าย  ในยุครัดเข็มขัดเช่นในปัจจุบัน ทุกองค์กรต่างหันมาให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร คุณก็สามารถช่วยได้ เสนอความคิดเห็นของคุณให้กับนายจ้างในการช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่าย และเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงลงมือทำให้เป็นตัวอย่างแก่พนักงานคนอื่น ๆ นายจ้างก็จะจดจำคุณขึ้นมาได้ทันที

       ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่ ที่โดดเด่น เข้าตานายจ้างและเพื่อนร่วมงาน จากนี้ไปคุณก็จะเป็นคนที่ทุก ๆ คนนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ในองค์กร  

Comments are closed.