“การศึกษา” หมายถึง กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต “สถานศึกษา” หมายถึง สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา (พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔)
ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศให้เป็นคนเก่ง ดี มีคุณค่า ที่พร้อมทั้งด้านสติปัญญา ความรู้ความสามารถ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา สร้างการเปลี่ยนแปลงหรือเป็นที่พึ่งของสังคมในการป้องกัน ชี้แนะและแก้ปัญหา ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและความมั่นคงของประเทศ
ในการบริหารมหาวิทยาลัยนั้น กฎหมายได้กำหนดได้มีสภาสถานศึกษาหรือที่เรียกขานกันว่า “สภามหาวิทยาลัย” ทำหน้าที่กำกับ ดูแลกิจการของสถานศึกษา (พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๓๖) รวมถึงการที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้กระจายอำนาจการกำกับดูแลโดยเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยมีอิสระ คล่องตัวในการบริหารจัดการ ดังนั้น สภามหาวิทยาลัยในฐานะองค์กรบริหารสูงสุดของสถาบันจึงมีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่สรรหา แต่งตั้งอธิการบดี กำหนดนโยบาย งบประมาณ จัดหาและบริหารทรัพยากร ติดตามประเมินผลการดำเนินการ และตรวจสอบการบริหารงานของอธิการบดี ทั้งนี้ ถึงแม้กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการประกันคุณภาพโดยต้องมีการประกันคุณภาพภายใน (Internal Quality Assurance : IQA) เป็นประจำทุกปีและต้องได้รับการประเมินภายนอก (External Quality Assessment : EQA) จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) อย่างน้อยหนึ่งครั้งในทุกห้าปีก็ตาม แต่ที่ผ่านมาคงปฏิเสธไม่ได้ที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่า “ทำไมการศึกษาไทยจึงด้อยคุณภาพ?” หรือแม้กระทั่งปัญหาบางสถาบันมีบัณฑิตสำเร็จการศึกษา ทั้งที่หลักสูตรยังไม่ผ่านการรับรองจากต้นสังกัด เป็นต้น
ปรากฏการณ์เหล่านี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์ว่า สภามหาวิทยาลัยในฐานะที่เป็นองค์กรบริหารสูงสุดของสถาบัน มีผลการดำเนินงานแตกต่างกัน แม้จะอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันก็ตาม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยนั่นเอง ดังนั้นการกำกับดูแลกิจการมหาวิทยาลัยด้วยความทุ่มเท ร่วมรับผิดชอบสังคม โดยการจัดการศึกษาต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้
๑) ความเชี่ยวชาญ สภามหาวิทยาลัยจะต้องกำกับ ดูแลการจัดการศึกษาทั้งในระดับ
ปริญญาตรีและบัญฑิตศึกษาตามความเชี่ยวชาญเฉพาะของมหาวิทยาลัย โดยหลักสูตรที่เปิดจะต้องเป็น ความต้องการของสังคมและชุมชน ที่สำคัญหลักสูตรต้องผ่านการรับรองจากต้นสังกัดและมีมาตรฐาน คุณภาพ ซึ่งความเชี่ยวชาญจะแสดงให้เห็นความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสถาบันต่อไป
๒) ความพร้อม ซึ่งประกอบด้วยความพร้อมด้านคณาจารย์ บุคลากรและสิ่งสนับสนุน
มหาวิทยาลัยใดจะเปิดการเรียนการสอน เปิดหลักสูตรนอกที่ตั้ง หลักสูตรภาคพิเศษ จะต้องได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องเพื่อเป็นการแสดงถึงความพร้อมของบุคลากรและสิ่งสนับสนุนของหลักสูตรนั้นๆ
๓) ความต้องการหรือความจำเป็นของสังคมถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญ เนื่องจากพบว่า หลักสูตรที่เปิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการเปิดเพื่อสนองความต้องการของผู้เรียน (Supply Side) ซึ่งในสภาพจริงแล้วควรตระหนักถึงความต้องการหรือความจำเป็นของสังคม (Demand Side) เป็นสำคัญ
๔) ความรับผิดชอบในผลผลิตของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพบัณฑิตที่จะรับใช้สังคมต่อไป บัณฑิตที่ดีนอกจากจะต้องเป็นคนที่มีความรู้ มีทักษะและต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนจรรยาบรรณในวิชาชีพ มีจิตสำนึกที่ดี มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่แสดงถึงอัตลักษณ์เฉพาะของสถาบัน
ในส่วนของการขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสได้รับการศึกษามากขึ้นนั้น นับเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นที่ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมจัดให้มีขึ้น แต่ทั้งนี้โอกาสทางการศึกษาที่หยิบยื่นให้นั้น ต้องประกอบด้วย ๓ ค คือ (๑) คุณธรรม คือ ผู้บริหารสถาบันจะต้องมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ต่อผู้เรียน โดยจัดบริหารเฉพาะหลักสูตรที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง (๒) คุณภาพ สถานศึกษาจะต้องจัดการศึกษาที่มีคุณภาพเพื่อผลิตบัณฑิตได้มาตรฐาน เพราะหากมหาวิทยาลัยยิ่งผลิตบัณฑิตที่ด้อยคุณภาพออกสู่สังคมมากเท่าใดก็จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อตัวสถาบันเองในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ (๓) คุณค่า กล่าวคือ มหาวิทยาลัยต้องตระหนักถึงความจำเป็นหรือความต้องการของสังคม โดยการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
ดังนั้นในฐานะสภามหาวิทยาลัยซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินของมหาวิทยาลัย จะต้องส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดคุณภาพอย่างแท้จริง โดยจะต้องเริ่มตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล มหาวิทยาลัยจะต้องกำกับ ดูแล ควบคุมให้มีคุณภาพ ต้องมีการประกันคุณภาพภายในอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องจนเป็นวิถีชีวิตคุณภาพ โดยการนำผลประเมินคุณภาพภายนอกไปใช้ในการขับเคลื่อนและพัฒนาสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีสู่การเป็นองค์กรคุณภาพต่อไป
อ้างอิง : สยามรัฐ ปีที่ : ๖๓ ฉบับที่ : ๒๑๖๙๗ วันที่ : ศุกร์ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๕