Tag Archives: Add new tag

คนที่ใช่ VS คนที่ชอบ

 

วันนี้ดิฉันขอนำเนื้อหาจากหนังสือ บริหารคนเหนือตำราของคุณ จารุนันท์  อิทธิอาวัชกุล

 ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ที่ดูแลทางด้านกำลังคนของเอไอเอส รวมถึงดูแลงานทรัพยากรมนุษย์  เชิงกลยุทธ์ในกลุ่มบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ที่เธอได้ให้คำนิยามไว้ว่า ไม่เดินตามกรอบ หรือเพียงแค่ตอบโจทย์จากตำรา แต่เหนือกว่าด้วยคุณค่าจากปัญญาปฏิบัติ ท่านผู้ฟังค่ะความสำเร็จในชีวิตของคนเรา บางทีอาจวัดได้ด้วย ดอกไม้หรือ ก้อนอิฐที่ใครหลายคนเลือกที่จะ มอบให้หรือไม่ก็ ปาใส่   ทุกปัญหาในองค์กร เรื่องคนถือว่าหนักสุด ส่วนใหญ่คำถามที่เจอคือ คนกับองค์กรจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ต้องหันกลับไปมองยังจุดเริ่มต้นว่า เราจะเลือกใครมาทำงาน และคนแบบไหนถึงจะเติบโตไปได้กับองค์กร เราต้องยอมรับว่า สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ก็มักจะทำให้คนด้วยกัน ตกหลุมพรางได้โดยไม่ทันระมัดระวังตัวเสมอ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะต้องเลือกระหว่างคนที่ใช่ (right) กับคนที่ชอบ (like)   เพราะโดยธรรมชาติของคนเรา มักชอบคนที่ดูเหมือนหรือละม้ายคล้ายคลึงกับเรา ชอบคนที่มีลักษณะที่เราต้องการ มากกว่าลักษณะคนที่งานต้องการ   “พยายามเลือกคนที่ใช่ อย่าเลือกคนที่ชอบ แล้วมาถามตัวเองต่อว่า อะไรคือคำว่าใช่ แล้วอะไรคือคำว่าชอบ ต้องหาระยะของเหตุผลกับระยะของอารมณ์ เวลาเลือกคนมาทำงาน ส่วนหนึ่งต้องมองว่ามีแววว่าไปได้ มีสารเคมีที่ถูกต้องตรงกันกับองค์กร มีแสงประกายออกจากตัว บอกว่าต้องใช่ในอะไรบางอย่าง เป็นการมองถึงภาพรวมของคน จากการดูแววตา ท่าทาง  ต้องอ่านให้เป็น เหนือกว่าตำราคือ ต้องอ่านขาดจริงๆ    เราๆหลายท่านต้องยอมรับว่าเวลาเลือกคน เคยตัดสินใจพลาดบ่อยครั้ง เพราะกะระยะระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ไม่ดีพอ เลือกคนที่ชอบ มองว่าน่าจะไปได้ สุดท้ายเลยตกหลุมพรางตัวเอง เราชอบคนที่เหมือนเรา พลาดหลายครั้ง จนบางช่วงขาดความมั่นใจ แพ้อารมณ์ตัวเอง ต้องให้คนอื่นมาช่วยกันดูอีกแรง”  เมื่อร่อนตะแกรงหาคนที่ใช่มากกว่าคนที่ชอบได้แล้ว หน้าที่ของท่านที่ต้อง แปลงจากถ่านเป็นเพชร คนทำงานใหม่ๆ มักไฟแรงและต้องการความสำเร็จอย่างปัจจุบันทันด่วน องค์กรต้องหมั่นเติมถ่านในกองไฟ และโหมกระพือจนกลายเป็นเพชรให้ได้ สุดท้ายแล้วคนที่ใช่คนๆ นั้นก็อย่าทำตัวเองให้จมปลักกลายเป็นเพชรในตม ต้องหมั่นพัฒนาศักยภาพจนเปล่งประกาย ด้วยการทำการตลาดตัวเองให้อยู่ในสายตาเจ้านาย     “คนทำงานแล้วอยากให้ผู้บริหารมองเห็น ต้องพยายามทำการตลาดตัวเองอย่างแยบคาย อ่านสถานการณ์ให้ได้ ว่าธุรกิจต้องการคนแบบไหน ถ้าได้เจ้านายเปิดใจรับฟัง เราสามารถนำเสนอผลงานเราได้ ก็ถือเป็นความโดดเด่น ขณะเดียวกัน ก็ต้องรู้จักทำโชคให้เกิดกับตัวเราเอง หาจังหวะพูดคุยกับเจ้านายแบบไม่เป็นทางการ โดยส่วนตัวเชื่อความตั้งใจจริงในการทำงาน เชื่อในการขันอาสา ถ้าเรารู้ตัวเองว่าสามารถทำอะไรให้กับองค์กรได้ แล้วสร้างงานให้เป็นที่ประจักษ์ โอกาสที่จะกลายเป็นเพชรบนเรือนแหวนมีมูลค่าก็ไม่ไกลเกินเอื้อม   หลายปีที่ต้องทำงานสัมผัสผู้คน บางครั้ง ก็ต้องทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับสัญญาณไฟ พอมีไฟเขียวพนักงานก็มีเฮ แต่พอติดไฟแดง ยิ่งถ้าแดงไปนานๆ ก็จะยิ่งสร้างระอุให้องค์กร ต้องทำหน้าที่เป็นไฟเหลืองก่อนเปิดไฟแดง ด้วยการมุ่งสื่อสารถึงข้อไม่ดี เรื่องติดขัดคับข้องในองค์กร ประเภทข่าวร้าย ข่าวลือ ด้วยการสื่อสารข้อมูลว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องยอมรับและเข้าใจได้ ว่าการทำงานไม่ว่าที่ไหนล้วนแล้วแต่ต้องเจอกับอุปสรรคและความท้าทาย    มุมมองง่ายๆ ที่สามารถนำมาปรับทัศนคติของคน เพราะเป็นความจริงที่เพียงแค่เอามาใส่โทนในการสื่อสารเข้าไป อุปสรรคเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ต้องทำหน้าที่พูดให้กำลังใจ เอาข่าวร้ายมาสร้างแรงบันดาลใจให้คนในองค์กร พร้อมเดินหน้าต่อในช่วงเวลายากลำบาก   สงครามชิงตัวคนเก่งทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันและข้ามอุตสาหกรรม เป็นอีกประเด็นที่มองว่า ป้องกันได้ยาก เพราะทุกวันนี้แรงดึงดูดนอกองค์กร ถือเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล เพราะเป็นแรงดึงดูดมหาศาลทั้งลักษณะแพคเกจและเนื้องาน

สิ่งที่ พอจะรับมือได้ก็คือ ต้องเล่นในมุมจิตวิทยา play on fear ชี้ให้คนเก่งเหล่านี้มองเห็นให้ได้ว่า การทำงาน ณ ตำแหน่งปัจจุบัน ถือว่ายืนอยู่ในต้นทุนที่มีค่าและควรแก่การภาคภูมิใจ การข้ามไปยืนอยู่อีกฝั่ง ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การทบทวนเนื้องาน การรีแพคเกจ และการสร้างความยืดหยุ่นเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดในงาน ถือเป็นอีกทางออกที่ดี ก่อนที่จะปล่อยให้คนเก่งต้องหลุดมือไป   “ถ้าองค์กรใดมีคนเก่งลาออก ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณ เพราะคนเก่งถือเป็นบุคคลที่ ต้องเฝ้าระวัง ถือว่าอยู่ในพอร์ตบัญชีที่ต้องดูแล ต้องคอยเช็คอุณหภูมิความคิด ความรู้สึก ไม่กี่เหตุผลที่คนเก่งคิดลาออก คือเนื้องานไม่เร้าใจ ไม่มีความหมาย ไม่สะท้อนศักยภาพ บั่นทอนแรงจูงใจที่จะอยู่กับองค์กรต่อไป จุดนี้องค์กรก็ต้องปรับตัวและระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ยากแก่การป้องกัน  ไหนๆ ก็บรรจงเลือก คนที่ใช่เข้ามาอยู่ในชายคาองค์กรแล้ว แถมยังอุตส่าห์ประคบประหงมอย่างดีมาหลายปี จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมา     ช้อปปิ้งคนที่ชอบไปต่อหน้าต่อตาได้ไงค่ะ

หลายคนบอกเราว่าอย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่  และเหตุผลของคนๆ หนึ่ง  อาจไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนนึง  ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร 

ท่านผู้อ่านค่ะ ชีวิตคนเราคงไม่มีหรอกที่เส้นทางชีวิตจะราบเรียบ โดยไม่ผ่านพาหุหรือมรสุมบ้าง คงต้องมีบ้างที่ต้องล้ม เพราะการล้มทำให้เรารู้วิธีการลุกขึ้นยืนใช่ไหมค่ะ  แล้ว.. คนเรา  ก็ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง  แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น ที่ได้ทำ ..  ก็เป็นสุขใจแล้วล่ะค่ะ  เพราะหัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย    หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า ใช่ไหมค่ะ