อ่านตัวเราและเชื่อมั่นในตัวเรา เพราะศักยภาพในตัวเรามีมากกว่าที่เราคิด

เมื่อเข้าสู่วัยเรียน หลายคนมองว่าเครียด เรียนยากบ้าง การบ้านเยอะบ้าง ไม่รู้จะเรียนจบไหม แต่ในที่สุดก็ผ่านในช่วงเวลานั้นกันมาได้ จนมาถึงวัยทำงาน กลับต้องร้องขึ้นมาทีเดียว เพราะเรียนที่ว่ายากแสนยากนั้น เมื่อมองกลับไป ทำไมมันง่ายอย่างนั้น เรียนนี่แหละสบายที่สุดแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก เรียน เรียน เรียนอย่างเดียว แต่การทำงานนี่สิ ที่ยากแสนยาก ถ้าไม่ขยัน และเก่งพอ ก็คงโดนเด้งเอาง่าย ๆ ซึ่งก็ถือว่าฝึกความอดทนของเราได้เป็นอย่างดี   แต่บางคนกลับหมกมุ่นอยู่กับการทำงานหนักจนเกินไป อันนี้ก็ถือว่าเครียดเกินไป เราจึงต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้เป็น ถึงแม้งานจะหนักสักแค่ไหน เราก็มีวิธีรับมือกันได้ง่าย ๆ

เริ่มด้วยการวางแผนและจัดลำดับความสำคัญของงาน ไม่ใช่พอเริ่มรู้สึกว่างานหนัก มีแรงกดดันจากคนรอบข้างมากขึ้น แล้วจึงค่อยลงมือทำ ได้มีการวินิจฉัยว่า งานที่ทำเป็นงานที่สามารถทำได้คนเดียว หรือต้องทำร่วมกันเป็นทีม ถ้าเป็นงานที่ทำได้คนเดียว การวางแผนและจัดลำดับความสำคัญอาจสับสนวุ่นวายน้อยกว่ากรณีที่ต้องทำกันเป็นทีม

หากงานที่ได้รับต้องทำกันเป็นทีม สิ่งสำคัญที่สุด คือการสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นหัวหน้าทีมด้วยแล้ว โปรดอย่าคิดเอาเองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ทุกคนในทีมคงเข้าใจงานที่ต้องทำตรงกัน เพราะประสบการณ์และสถิติยืนยันว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นไปได้ ควรมีการประชุมทีมเสมอ ๆ ทั้งการประชุมรวมกันทั้งทีม และการแยกประชุมกับสมาชิกในทีมแต่ละคน เพื่อตรวจสอบความคืบหน้า รับทราบปัญหา หาทางแก้ไขและป้องกัน รวมทั้งเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า

หลายคนมองว่าการทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกันเป็นสิ่งที่ดี แต่ผลการวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของสมองคนเราพบว่า การทำอะไรหลายอย่างพร้อม ๆ กัน ทำให้มีข้อมูลจำนวนมากวิ่งเข้ามาในสมอง ซึ่งสมองของคนเราไม่สามารถรองรับข้อมูลได้ทั้งหมด ปัญหาก็คือ งานหลุด หรือขาดรายละเอียดที่ควรมี   ดังนั้น เมื่อเราต้องเผชิญกับการทำงานหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก แต่เกิดจากการถูกสั่ง หรือเหตุการณ์บังคับให้ต้องทำ จึงมีแนวทาง และหลักการในการทำงาน ดังนี้

- มองโลกในแง่บวก เพราะคนรอบ ๆ ตัวคุณอาจทำงานหนักและมีความเครียดเหมือนกับคุณ หรืออาจจะมากกว่าคุณก็เป็นได้ คุณอาจรู้สึกดีขึ้นได้ ว่าเราไม่ได้เป็นคนคนเดียวที่ต้องทำงานหนัก

- กระจายออก หรือกำจัดไป หลังจากที่ได้จัดลำดับความสำคัญของงานแล้ว อาจพบว่ามีงานบางอย่างที่สามารถส่งต่อให้คนอื่นทำได้ และอาจจะมีงานบางอย่างที่สามารถกำจัดทิ้งไปได้เลย แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องทำให้คนอื่นเห็นว่างานที่กระจายหรือกำจัดไปนั้น เป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องทำ หรือเป็นงานที่ไม่สามารถทำได้ หรือเป็นงานที่ทำได้ แต่อาจจะไม่ดีเท่าให้คนอื่นทำ หรือหากคุณใช้เวลาในการทำงานชิ้นนั้นไปทำงานอย่างอื่น จะได้ผลลัพธ์ในภาพรวมที่ดีกว่า เป็นต้น

- หาเวลาในการออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะคนเราทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร ที่จะสามารถทำงานได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงควรเรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง เรียนรู้จังหวะของชีวิต จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรง และเพิ่มพลังในการทำงานให้กับตัวคุณเองได้ต่อไป

- มีเป้าหมายในการทำงาน และการดำเนินชีวิตเสมอ แม้ในตอนนี้อาจจะยังไม่เห็น หรือยังไม่เชื่อ แต่สถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากคุณเข้าใจสัจธรรมเรื่องนี้ ทัศนคติเกี่ยวกับงานของคุณจะดีขึ้น ให้มองว่า งานที่ทำอยู่กำลังสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้กับตัวเอง แล้วคุณจะพบว่าคุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดมากมายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ศักยภาพความสามารถของแต่ละคน มีไม่เท่ากันอยู่แล้ว บางคนมีมากก็จริง แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกมา บางคนก็แสดงออกมาอย่างเต็มที่ จนบางครั้งทำให้คนรอบข้างเกิดอาการหวั่นกลัว ประหม่าและไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา จนทำให้คิดว่าเรามีศักยภาพไม่เพียงพอเมื่อไปเทียบกับเขา แต่ความเป็นจริงแล้วคนเราทุกคนต่างก็มีศักยภาพในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่แสดงออกมาให้คนอื่นรู้ก็เท่านั้นเอง เพียงขอให้ลองมองตัวเรา อ่านตัวเรา หาตัวเราให้พบ และให้เชื่อมั่นในตัวเรา เพราะศักยภาพในตัวเรามีมากกว่าที่เราคิด

Comments are closed.