เคยไหม…ที่สุดแสนจะเซ็งกับงานเหลือเกิน

เคยไหมที่สุดแสนจะเซ็งกับงานเหลือเกินเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเอามากๆเอาเป็นว่าเช้ามาทำงานแค่เห็นประตูออฟฟิศก็เบื่อแล้ว ส่วนช่วงระหว่างวันเอาแต่นั่งซังกะตายไม่ยอมพูดยอมจากับใคร เพราะเอาไปสมองคิดแต่เรื่องร้ายๆ ที่รังแต่จะบั่นทอนกำลังใจตัวเองลงไปทุกทีหากใครเป็นถึงขนาดนี้นับว่าอาการเข้าขั้นโคม่าทีเดียว! คงต้องรีบจัดการทำอะไรกับตัวเองสักอย่างแล้วล่ะ ก่อนที่ความเบื่อหน่ายจะสะสมเพิ่มพูนจนหลายสิ่งหลายอย่างบานปลายออกไป เพราะถ้าปล่อยให้ถึงวันนั้น คุณอาจได้แต่พร่ำบ่นกับตัวเองว่า "สายไปซะแล้ว!" สำหรับเรื่องที่ชอบคิดกันนักหนานั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มองไปโต๊ะข้างๆ "ดูยายคนนั้นซิแค่ทำตัวเอ๋อไปวันๆ งานที่ทำก็ไม่หนักหนาและยุ่งเหยิง แต่ทำไมถึงได้แต่สิ่งดีๆ นะ" "ส่วนเธองานไม่เห็นจะยาก แต่ทำไมเงินเดือนมากกว่าฉันล่ะ" สรุปว่า คือ วันๆ มองหาแต่เหยื่อ หากเป็นถึงขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่เล่าอาการเซ็งไร้สาระจะหายไปเสียที สาเหตุของความเบื่อที่ไร้ขอบเขตของคนทำงานนั้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากเจ้านายเป็นอันดับหนึ่ง รองมาคือเพื่อนร่วมงาน ถัดมาคือลูกน้อง และข้อสุดท้ายคือเงินเดือน (น้อย แต่ใช้งานเกินคุ้ม) ทั้งหมดเป็นสาเหตุของความเบื่อก็จริง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการเซ็งสุดๆ อาจเกิดจากความคิดที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และต้องการความสนใจจากเจ้านายมากเกินไป
ฉะนั้นพยายามนึกถึงตัวเองเข้าไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้มากๆ มองตัวเองอย่างมีคุณค่า จะทำให้คุณสนุกและอยากทำงานมากขึ้น ก่อนที่คุณจะแก้ปัญหาแบบ short term คือ ลาอออกไป ลองกลับมานั่งคิดด้วยเหตุด้วยผล ศึกษาแต่ละจุด เพื่อทำความเข้าใจตัวเองให้ถ่องแท้กันก่อน อันดับแรกหัดสร้างคุณค่าให้ตนเองเสียก่อน

การให้คุณค่าตัวเอง
จะว่าไปแล้วคนเรานี้ก็แปลก ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ทำไมคนนั้นเก่งจัง ทำไมเขามีแต่ใครๆ ชื่นชม แต่เรากลับแย้แย่ จนนึกเกลียดความไม่สวย ไม่รวย ไม่โก้ ไม่เด่น ไม่หรู ไม่เก่ง และไม่ได้ดังใจ ถ้าไม่รู้จักหัดปลื้มตนเองและให้คุณค่าตนเองละก็คุณจะกลายเป็นคนทุกข์ใจตลอดไปอย่าไม่จบสิ้นความน้อยเนื้อ ต่ำใจในจุดด้อยตัวนี้แหละที่คอยบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของคุณมากที่สุดบรรดาสิ่งดีๆที่คุณเห็น ในตัวคนอื่นนั้นน่ะลองหันกลับมามองตนเองสิใช่ว่าคุณจะไม่มีเสียเลยเพียงแต่คุณอาจจะไม่ได้นำมาใช้บ่อยเหมือนเขาเท่านั้นเอง "ฉันเห็นความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงของเพื่อนร่วมงานฝ่ายเดียวกับฉัน ซึ่งทำให้เธอประสพความสำเร็จในการนัดหมายลูกค้า ทำให้การเจรจาทำสัญญาสำคัญต่างๆ ของบริษัทสำเร็จบ่อยครั้ง นั่นเพราะเธอเข้าหาลูกค้าถึงออฟฟิศเลยทีเดียว ผิดกับฉันที่ชอบนัดเจรจาในห้องประชุมออฟฟิศตัวเอง กว่าจะนัดได้แต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่น้อย แต่ฉันไม่ได้ท้อแท้นะ เพราะเมื่อเห็นอย่างนี้แล้วเอาใหม่ ฉันลุยหาลูกค้าทั้งหลายถึงออฟฟิศหมดทุกคน ปรากฏว่าเดือนต่อมาฉันสามารถทำยอดขายทะลุเป้าให้กับบริษัท จนหัวหน้าเอ่ยปากชม" จิรวดี จิตตานุธรรม พนักงานฝ่ายการตลาดวัย 27 ปี ของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง

ให้ผิดเป็นครู
เวลาคุณทำอะไรผิดพลาดอย่าไปฟูมฟายโทษตัวเองมากมายนัก คิดดูแล้วกัน
ยังมีคนอีกเยอะแยะที่ผิดพลาดมหันต์ยิ่งกว่าคุณ ใครๆ ก็ทำผิดกันได้ (อย่าบ่อยนัก) ทำอะไรทุกอย่างคิดเผื่อความล้มเหลวไว้บ้าง พยายามคิดให้มี Safe T-Cut ไว้ก่อน

ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเอง
ต้องเปลี่ยนตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกจนถึงรูปลักษณ์ภายใน "การตัดผมใหม่ ทำสีผมใหม่ แต่งหน้าแนวใหม่ ทำให้ชีวิตฉันมีชีวิตชีวา มองสิ่งรอบตัวอย่างท้าทายและสนุกสนานขึ้น

อย่าลืมว่าคุณอยู่ที่นี่เพื่ออะไร
จำให้ได้ว่า "คุณอยากได้อะไรจากงาน
แล้วงานให้กับอะไรกับคุณ" จงมองหาเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จอยู่เสมอ เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่เคว้งคว้างเลื่อนลอยกับการทำงาน สำหรับบางคนอาจมีเป้าหมายเพียงเพื่อเก็บเงินท่องเที่ยวตามประสาสาวโสด ส่วนบางคนอาจหวังถึงการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่งานที่ชอบก็สำคัญ เพราะหากคุณมัวแต่ทำงานที่ตัวเองไม่สนใจไปวันๆ และไร้ประโยชน์ในระยะยาว คุณคงต้องเซ็งกับงานแน่ๆ

สร้างอารมณ์ในการทำงาน
'แรงบันดาลใจ' สำคัญที่สุด หากคุณไม่มีสิ่งนี้คุณจะเอากำลังใจจากไหนมาฮึดสู้ มันคงเกิดเองได้ยาก ก่อนอื่นให้ย้อนมองดูตัวเอง นิสัยเสียๆ ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปดีกว่า แล้วมาคิดว่าทำอย่างไรให้ตัวคุณคงความกระตือรือร้น ไม่ให้ถอยกลับไปสู่ความเบื่อเดิมๆ อีก ลองออกไปข้างนอกซะบ้าง หายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าปอด รับแสงแดดซะหน่อย ดื่มน้ำสักแก้ว ทำอารมณ์ให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณสามารถยิ้มออก เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้อาจทำให้คุณหายเซ็งขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Comments are closed.