ผู้นำที่แท้จริงคือผู้รับใช้ที่คอยตอบสนองความต้องการของทีม

หนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาให้องค์กรมุ่งไปสู่ความสำเร็จได้นั่นคือ "ผู้นำ" หลายๆ ท่านที่เคยดูภาพยนตร์ หรืออ่านวรรณกรรม "สามก๊ก" คงจะเห็นภาพ ที่ชัดเจนมาก ว่า "ผู้นำ" ผู้ตาม และกลยุทธ์มีส่วนสัมพันธ์กับความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการพลิกความ เสียเปรียบให้กลับมาเหนือคู่แข่ง หรือ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจาก "ผู้นำชั้นยอด" "กลยุทธ์ชั้นดี" และ ส่งต่อไปยัง "ผู้ตามที่มีคุณภาพ" เพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่แท้จริง สำหรับวันนี้ดิฉันจะมาพูดคุยถึงเรื่องของ "ผู้นำ ที่แท้จริงในองค์กร เรามีมากน้อยแค่ไหน และจะสามารถวัดได้อย่างไรว่าใครเป็นผู้นำที่แท้จริง"
ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับคำว่า ผู้นำ หลายองค์กรต่างให้ความสำคัญกับ การสร้างผู้นำ แต่ในวันนี้ถ้าถามว่า ในองค์กรมีผู้นำที่แท้จริงซักกี่คน ? และมีความสามารถที่จะทำหน้าที่ของผู้นำได้อย่าง ครบถ้วนซักกี่คน ? แล้วถ้าเรามีผู้นำในองค์กรปัญหาในองค์กรที่มีอยู่ถูกแก้ไขแล้วหรือไม่    ทุกๆ องค์กรควรจะมีบุคลากรที่จะมาคอยมองหาหรือสร้างโอกาสใหม่ให้กับองค์กร และต้องเป็นผู้ที่จะสามารถมองการณ์ไกลไปในอนาคตข้างหน้าได้รวมถึงต้องมีความสามารถที่จะรับรู้ได้ว่ามีอะไรบ้างในองค์กรที่จะต้องได้รับการพัฒนา และต่อยอด จุดอ่อนตรงไหนที่ต้องแก้จุดแข็ง ตรงไหนขององค์กรที่ต้องเสริมเติมให้แกร่งเพื่อที่จะไปตอบโจทย์อนาคตที่ผู้นำวางแผนไว้ได้ ในจุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของผู้นำที่แท้จริงต้องผลักดันองค์กรได้ ต้องถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ในองค์กร ของเรามีผู้นำที่จะคอยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?  อยากให้ท่านลองพิจารณาดูจากคำถาม ห้าประการดังต่อไปนี้
         ประการแรก ทุกวันนี้ในองค์กรมีคนที่จะคอยคิด พัฒนา และวางแผนเพื่อมองหาโอกาสสำหรับอนาคตให้แก่องค์กรหรือไม่ ไม่ใช่แค่จะคอยแต่คิดแก้ไขปัญหา ในงานประจำวันเท่านั้น องค์กรต้องถาม ตัวเองว่าในองค์กรของเรา เรามีผู้นำแบบนี้หรือไม่ และนี่คือสิ่งที่ผู้นำต้องช่วยกันทำช่วยกันคิด
ผู้นำโดยทั่วไปมักจะพูดว่า  อันนั้นต้องพัฒนา อันนี้ต้องพัฒนา
แต่จริงๆ แล้วต้องถามดูว่ามันใช่สิ่งที่ต้องพัฒนาหรือเปล่า องค์กรต้องทำตรงนี้ เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ หรือองค์กรสามารถนำคนทั่วไปมานั่งทำในส่วนงาน ตรงนี้แล้ว ให้ผู้นำไปทำสิ่งที่จะทำให้เกิดความสำคัญต่ออนาคตขององค์กรแทนซึ่งเป็นความสำคัญมากกว่า   โดยสรุปแล้วผู้นำที่แท้จริงต้องระบุได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ใช่เพื่อแก้ปัญหางานปัจจุบันแต่เป็นการวางรากฐานอนาคตขององค์กร สร้างโอกาสให้แก่องค์กร ในวันนี้องค์กรของเรามี ผู้นำแบบนี้มากน้อยแค่ไหน ?
       ประการที่สอง ต้องเป็นผู้นำที่จะสามารถทำให้เกิดคำว่า การเจริญเติบโตขององค์กรที่แท้จริง ตรงนี้หมายความว่า เป็นผู้นำที่เกิดมาเพื่อทำหน้าที่ตรงนี้จริง ไม่ใช่อะไรที่เป็นงานทั่วไป ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่สามารถทำได้ แต่ในผู้นำองค์กรจะมีซักกี่คนที่ทุกชิ้นงานของเขาทำให้องค์กรเติบโตขึ้น ทำให้คู่แข่งตามไม่ทัน ทำให้องค์กรอยู่ได้ยาวนาน ทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้น
และตรงนี้องค์กรต้องถามตัวเองว่าในตอนนี้องค์กรมีผู้นำแบบนี้กี่คน ที่สามารถทำได้จริงๆ
     ประการที่สาม เรามีผู้นำกี่คนที่มี ความสามารถที่ผลักดันให้คนในองค์กรตระหนักถึงวิสัยทัศน์ ทิศทางของ องค์กร และสามารถสื่อสารกับพนักงาน ในองค์กร ผลักดันให้อยากที่จะทำ อยากที่จะไปให้ถึงเป้าหมายในทิศทางที่องค์กรได้วางไว้ หลายครั้งอาจจะสั่งให้ ลูกน้องทำงานตามเป้าหมายได้
แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถสร้างให้ลูกน้องและทีมงานเกิดความตื่นเต้น อยากที่จะทำด้วยใจจริง อยากที่จะเปลี่ยนแปลง
อยากที่จะไปด้วยกันกับทิศทางและ เป้าหมายขององค์กรโดย ความตั้งใจเดียวกันไม่ใช่มาจากการสั่งงานตามหน้าที่ ไม่ว่าองค์กรจะมีทิศทางใหม่ที่แตกต่าง หรือความเปลี่ยนแปลงที่ต้องใช้ความสามารถ   หรือความพยายามมากขนาดไหน
ต้องถามองค์กรว่า  มีกี่คนที่จะสามารถนำพาลูกน้องไปตรงจุดนั้นได้ด้วยความเต็มใจตื่นเต้นและมีความยินดีกับ ความเปลี่ยนแปลง
      ประการที่สี่ มีผู้นำซักกี่คนที่สามารถกระตุ้นบุคลากรได้ สร้างทัศนคติ ที่ดีต่อการทำงานไม่ใช่แค่การมาทำงาน ไปวันๆ หนึ่ง แต่ต้องทำงานด้วยความรู้สึก ที่อยากจะสู้ อยากจะพัฒนา อยากจะเก่ง ตอนนี้องค์กรต้องถามตัวเองว่ามีกี่คนที่ทำตรงนี้ได้ผู้นำที่สามารถผลักดัน กระตุ้นและให้กำลังใจ สร้างความภูมิใจ กับการทำงานชิ้นนั้นให้แก่บุคลากรในองค์กรอย่างแท้จริง
ในอดีตความเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นใน 1 ปี 2 ปี หรือแม้แต่ 3 ปี แต่ในทุกวันนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ตลอดเวลาทุกวัน จะทำอย่างไรที่จะไปกระตุ้นให้บุคลากรในองค์กรรู้สึกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถอยู่ในการแข่งขันนี้ได้
เพราะฉะนั้นคำว่าความเปลี่ยนแปลง ในยุคสมัยนี้เหมือนเพื่อนที่จะมาพร้อมกับธุรกิจเลยถือเป็นเรื่องธรรมดา
ซึ่งคนที่เป็นผู้นำต้องนำไปได้ทุกวัน ไม่ว่าองค์กรจะปรับบ่อยแค่ไหนหรือต้องพยายามมากแค่ไหน
ในองค์กรตรงนี้จะมีกี่คนที่สามารถ ทำได้ คนที่สามารถทำให้การเปลี่ยนแปลง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้สร้างให้เกิดความรักในการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ความกลัวหรือท้อใจผู้นำทั่วไปอาจจะสามารถนำคนบางกลุ่มได้ แต่ผู้นำที่แท้จริงต้องสามารถนำคนทั้งองค์กรไปสู่จุดเดียวกันได้ แน่นอนว่าต้องถามองค์กรว่าตอนนี้มีกี่คนในองค์กรที่สามารถนำไปถึงทิศทางขององค์กรได้อย่างแท้จริง
     ประการที่ห้า สิ่งที่สำคัญมากๆต้องถามองค์กรว่ามีผู้นำกี่คนที่พัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง รู้ว่าเรามีจุดอ่อนอะไรตรงไหนโดยไม่ต้องมีคนมาบอก สามารถรู้ได้เองว่าเราต้องพัฒนาอะไร ทำอะไร ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นผู้นำที่เปิดรับฟังข้อมูลป้อนกลับจากแหล่งต่างๆ หรือผู้อื่นอย่างใจเปิดก

คำว่า Leader (ผู้นำ) มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Lead ซึ่งแปลว่า ถนน ทาง  หรือ การเดินทาง  ผู้นำเดินทางไปด้วยกันกับผู้ตาม  คอยชี้นำพวกเขาให้ไปสู่จุดหมายปลายทาง  ความหมายโดยนัยคือ  ผู้นำเป็นผู้รวบรวมผู้คนให้อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม  แล้วเดินทางไปสู่จุดหมายร่วมกัน         ผู้นำไม่ใช่ตำแหน่ง  แต่เป็นทัศนคติ  ผู้นำคือผู้ขายความหวัง  ถึงแม้ในยามที่ดูเหมือนว่าคุณกำลังเผชิญกับสิ่งสุดวิสัยที่จะทำได้สำเร็จ  แต่ผู้นำกลับเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์และทำให้ทีมงานเห็นมันด้วย  ผู้นำที่แท้จริงคือผู้รับใช้ที่คอยตอบสนองความต้องการของทีม

ดิฉันขอยกตัวอย่างให้ฟังสักเรื่องสั้นๆ นะค่ะ    เมื่อครั้งที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช และกองทัพอันเกรียงไกรของพระองค์หยุดพัก ระหว่างยาตราทัพข้ามทะเลทราย  ก็พบว่ามีน้ำเหลืออยู่ถ้วยสุดท้าย  เมื่อมีผู้ถวายน้ำถ้วยนั้นให้แก่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ฯ  พระองค์ทรงรับถ้วยมาแล้วเทน้ำทั้งหมดลงบนทรายพลางตรัสว่า  ไม่มีใครดื่มน้ำจนกว่าพวกเราทุกคนได้ดื่มพร้อมๆกัน  นี่เป็นตัวอย่างที่ผู้นำต้องเป็นให้ได้ค่ะ

วันนี้ ดิฉันขอฝากคำคมไว้ว่า

คนฉลาดที่ขาดคุณธรรม เป็นผู้นำที่ดีไม่ได้ว้างเช่นกัน

Comments are closed.