ข้อคิดในการบริหารชีวิตเชิงมิติ

บทความน่าสนใจจาก website:www. SANOOK.com เรื่อง ข้อคิดในการบริหารชีวิตเชิงมิติ

หลายคนเกิดคำว่า "เสียดาย" ขึ้นในจิตใจ บางคนถึงกับบ่นออกมาว่า "ไม่น่าเลย รู้อย่างนี้น่าจะทำให้ดีกว่านี้" สาเหตุสำคัญเกิดจากความไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของมิติแห่งชีวิต การขาดการเชื่อมโยงเหตุและผลของกิจกรรมในชีวิตในแต่ละช่วงเวลา ชีวิตของคนเรามีองค์ประกอบอยู่ 3 ส่วนคือ ร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อม และมี 3 มิติคือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งทั้ง 3 ส่วนและ 3 มิตินี้ จะมีความสัมพันธ์กันชนิดที่แยกออกจากกันไม่ได้เลยทีเดียว ถ้ามองในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ่ต่างๆแล้ว จะเห็นว่าถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบ เช่น จิตใจหดหู่ ย่อมส่งผลกระทบต่อร่างกายและสังคม ในทางกลับกันถ้าร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์จิตใจเข้มแข็ง แต่ถ้าต้องอยู่ภายในสภาวะแวดล้อมที่ไม่มี โอกาสที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนแอก็มีมากเหมือนกัน ถ้ามองในแง่ของมิติของชีวิตจะพบว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ มีอยู่ ในปัจจุบันนั้น เป็นผลพวงที่เกิดจากมิติในอดีตทั้งนั้นเลย เช่น การที่เรามีงานทำเกิดจากการที่เรามีความรู้จากการศึกษา จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ การที่เรามีบ้านในวันนี้เป็นเพราะเราเก็บเงินสร้างบ้านมาเมื่อหลายปีก่อน ถ้าเราไม่มีเมื่อวานเราก็คงไม่มีวันนี้
       ในขณะเดียวกันสิ่งที่เรากำลังทำ เป็นอยู่ มีอยู่ ในปัจจุบันนี้คือสะพานหรือรากฐานที่จะบันดาลอนาคตของเราเช่นเดียวกันกับที่อดีตสร้างปัจจุบันให้เรา งานที่เราทำอยู่ทุกวันนี้นี้คือบันไดแห่งความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นในอนาคต ชีวิตครอบ ที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้คือรากฐานของครอบครัวลูกหลานในวันหน้า ความรู้และประสบการณ์ในวันนี้คือบทเรียนในวันพรุ่งนี้ คนที่ต้องการพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จในชีวิตนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องบริหารชีวิตบนพื้นฐานของการสร้างความสมดุลของ 3 ส่วนและ 3 มิติ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เราคงไม่สามารถเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาเหมือนเรื่องอื่นๆได้ เพราะชีวิตใครก็ชีวิตใคร ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับเจ้าของชีวิต ผมเพียงแต่อยากจะให้ข้อคิดเพื่อสะกิดใจให้กับท่านผู้อ่านในบางประเด็นเท่านั้น เช่น ได้อย่าง เสียหลายอย่าง  เราจะเห็นว่าคนทำงานที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหลายคน มักจะประสบกับความล้มเหลวด้านร่างกาย เพราะในขณะที่ทุ่มเททำงานหนักเพื่อความสำเร็จอยู่นั้น ขาดการดูแลร่างกาย ขาดการดูแลครอบครัวและสังคมรอบข้าง วันหนึ่งเมื่อความสำเร็จในหน้าที่การงานมาเยือน มันจะชักชวนเพื่อนที่เป็น "โรค" และ "ความล้มเหลวในชีวิตครอบครัว" มาด้วย เรื่องนี้คงจะพอเป็นข้อคิดให้กับผู้ฟังว่า "อย่าเอียง" ไปในด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ขอให้เดินทางสายกลาง เพราะวันหนึ่งสิ่งที่ได้มา (ทรัพย์สินเงินทอง หน้าที่การงาน) มันไม่สามารถมาชดเชยกันสิ่งที่จะเสียไป (การเจ็บป่วย ครอบครัวแตกแยก) ไม่ได้   อดีตคือประวัติศาสตร์ที่แก้ไม่ได้ คนหลายคนที่มีโอกาสที่ "เกือบจะ" ประสบความสำเร็จในชีวิตในด้านต่างๆมากมาย แต่เพราะ "อดีต" เป็นขวากหนามที่สำคัญ ทำให้พลาดโอกาสนั้น ๆไปอย่างน่าเสียดาย เช่น ผู้จัดการบางคนเป็นคนที่เก่งมาก ผลงานในตำแหน่งผู้จัดการดีมาก ถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ติดอยู่ที่ว่าเมื่อตอนที่เป็นพนักงาน เคยทำผิดในกรณีทุจริตเล็กน้อยมาก่อน หรือเพียงแค่มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าไม่ค่อยโปร่งใส เท่านี้ "ประตูชัยแห่งความสำเร็จ" ก็ปิดรับผู้จัดการคนนั้นไปเกือบสนิทเลยทีเดียว

ในความเป็นจริงของชีวิตแล้ว เราจะพบว่า "ความสำเร็จ" ที่เราภาคภูมิใจมากที่สุดไม่ใช่ความสำเร็จที่เรา "คาดหวัง" แต่เป็นความสำเร็จที่ "ไม่คาดหวัง" มากกว่า ดังนั้น เพื่อแสวงหา "ความสำเร็จที่ไม่คาดหวัง" จึงอยากให้ทุกคน จงทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุดอย่างเต็มศักยภาพที่มีอยู่ แล้วความสำเร็จที่ท่านอยากได้ อยากเป็น จะมาพร้อมกับความสำเร็จที่ท่านไม่คาดหวังนะคะ

ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพียงเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงกับสิ่งนั้น ๆ เพียงไม่ช้านานเราก็จะได้พบเจอกับความสำเร็จที่เราได้คาดหวังไว้ โดยเฉพาะในการทำงาน คนเราทุกคนย่อมต้องการงานดี ๆ มีเงินเดือนเยอะ ๆ แต่ลืมมองที่ตัวเองว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราได้ดีแล้วหรือ งานทุกงานมีความยากง่ายที่ต่างกัน แต่ถ้าเราตั้งใจจริง งานที่ว่ายากนั้น จะกลับกลายเป็นสิ่งที่ง่ายแสนง่าย

Comments are closed.