นิทาน... สิบสองนักษัตร

นิทานจีน ก็เล่ากันมาว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว โลกนี้ยังไม่มีวิธีนับวัน นับเดือน นับปี คนในโลกยังไม่มีใครรู้วันเดือนปี ไม่รู้จักอายุกัน ตอนนั้นเง็กเซียนฮ่องเต้เจ้าแห่งสวรรค์มีดำริว่า ชีวิตคนเกี่ยวข้องผูกพันกับสัตว์มากมาย หากจะใช้ชื่อสัตว์มาเป็นชื่อนับปีก็จะง่ายแก่การจดจำ ท่านจึงคิดจะทำการคัดเลือกประเภทของสัตว์เพื่อมาตั้งชื่อปีอย่างยุติธรรม จึงได้มีประกาศให้ทราบว่าจะมีการแข่งขันว่ายน้ำเพื่อคัดเลือกสัตว์แต่ละชนิดมาเป็นชื่อของปี จำนวน 12 ชื่อ โดยจะตั้งชื่อตามลำดับ สัตว์ต่าง ๆ ก็พากันตระเตรียมตนเองอย่างเต็มที่ ตอนนั้นหนูยังเป็นเพื่อนกับแมวอยู่ พอหนูรู้ว่าแมวจะไปแข่งขันด้วยก็วางแผนหลอกแมว บอกว่าวันรุ่งขึ้นที่จะมีการแข่งขันสัตว์โลกนั้น พี่แมวไม่ต้องห่วง พี่แมวนอนรออยู่ที่บ้านเถอะ หนูจะมาปลุกเอง แล้วเราจะเดินทางไปด้วยกัน เข้ารอบพร้อมกัน แมวก็ชะล่าใจคิดว่าหนูเป็นเพื่อนที่ดีเห็นแมวชอบนอนหลับ กลัวจะไปแข่งขันไม่ทันเลยจะมาปลุก ไม่ได้รู้เลยว่าถูกหนูหักหลังซะแล้ว พอวันรุ่งขึ้นที่เป็นวันแข่งขัน หนูไม่มาปลุก แมวก็เลยไม่ได้ไปเข้าร่วมแข่งขันด้วย เพราะเอาแต่นอนเพลิน  หนูหลอกแมวแล้ว ก็รอจนฟ้าสางไม่ยอมนอน พอถึงวันแข่งขันซึ่งเง็กเซียนนฮ่องเต้ให้สัญญาณ หนูก็รีบออกวิ่งทันที แต่มาจนแต้มเมื่อมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ เพราะมันว่ายน้ำไม่เก่ง น้ำไหลเชี่ยวด้วย ไม่รู้จะทำยังไง เห็นวัวมาถึงก็ไปบอกวัวว่าให้ช่วยพาข้ามน้ำไปด้วยเถอะ ถ้าถึงเส้นชัยแล้วจะสละตำแหน่งให้วัว  วัวสงสารหนู ก็เลยให้หนูขี่หัวข้ามแม่น้ำไปด้วยกัน ครั้นพอไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง หนูก็ลงจากหัววัววิ่งพรวดพราดถึงเส้นชัยก่อนวัว เง็กเซียนฮ่องเต้จำต้องตัดสินให้หนูเป็นผู้ชนะเพราะมันมาถึงก่อนตามกติกา ปีแรกนี้จึงเป็นปีหนูเรียกว่าปีชวด วัวมาถึงเป็นอันดับที่สอง เราจึงเรียกปีที่สองซึ่งเป็นปีวัวว่าปีฉลู
ส่วนเสือนี่แม้จะได้เปรียบสัตว์อื่นเพราะเป็นพญาแห่งสัตว์ป่า มีกำลังแข็งแรง ฝีเท้าดี แต่วิ่งมาถึงเป็นลำดับที่สามเพราะมัวแต่รังแกข่มเหงและจับสัตว์เล็ก ๆ กินตามทางเรื่อยมา เราเรียกปีเสือว่าปีขาล
ส่วนกระต่ายแม้จะกระโดดได้คล่องแคล่วว่องไว แต่ที่มาช้าเพราะกลัวเสือจะจับกิน ก็เลยต้องหลบไปหลบมาอยู่หลังเสืออย่างระมัดระวัง จึงมาถึงเป็นอันดับที่สี่ เราเรียกปีกระต่ายว่าปีเถาะ
มังกรหรืองูใหญ่เป็นสัตว์ที่เก่งสุด เผ่นโผนโจนทะยานในเมฆหมอก ว่ายน้ำก็เก่ง เง็กเซียนฮ่องเต้เห็นมันได้เปรียบสัตว์อื่น เกรงไม่ยุติธรรม จึงมีคำสั่งให้มังกรหรืองูใหญ่ไปทำหน้าที่โปรยฝนที่มณฑลเจียงตงก่อน แล้วจึงมาแข่งขัน จึงทำให้มังกรมาถึงล่าช้าเล็กน้อยได้เป็นอันดับที่ห้า เราเรียกปีงูใหญ่ว่าปีมะโรง
งูเล็กนั้น แรก ๆ ก็ว่าจะไม่กระโดดเข้าสนามแข่งหรอก แต่ถูกเย้ยหยันจากลิงว่าต่อให้เลื้อยจนสันหลังหัก ก็สู้ใครไม่ได้หรอก รอให้มีขางอกก่อนแล้วค่อยไปแข่งดีกว่า งูเล็กเมื่อได้ฟังดังนั้นก็เกิดความฮึกเหิมเลื้อยอย่างรวดเร็วจนนำหน้าลิงไป เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่หก เราเรียกปีงูเล็กว่าปีมะเส็ง
ส่วนม้าแม้เป็นสัตว์ที่วิ่งเร็ว แต่ใจร้อน หลับหูหลับตาวิ่งจนหลงทาง กว่าจะเข้ามาตามเส้นทางที่เขากำหนดก็เสียเวลาไปมาก จึงมาถึงเป็นอันดับที่เจ็ด เราเรียกปีม้าว่าปีมะเมีย
แพะนี้เข้าแข่งขันอย่างซื่อสัตย์จริงจัง ก้มหน้าก้มตาวิ่งเพื่อฝึกฝนความอดทนของตนเอง ไม่ได้คิดแข่งขันกับใครเพื่อเอาชื่อเสียง เวลาวิ่งไปก็ยิ้มไป เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่แปด เราเรียกปีแพะว่าปีมะแม

แต่เจ้าลิงที่มัวแต่เยาะเย้ยงูและเล่นซุกซน หยอกล้อ รังแกผู้อื่น วิ่งขวางทางบ้าง มัวแต่ทำเล่นจนกระทั่งกวางดาวตัวหนึ่งรำคาญเจ้าลิงเจ๊าะแจ๊ะนี้มาก ถึงกับยอมออกจากสนามแข่งขันไป แต่ลิงนี่ขนาดมันซุกซนเที่ยวยุ่งเรื่องชาวบ้านเขามันยังเข้ามาติดอันดับที่เก้า เราเรียกปีลิงว่าปีวอก
เจ้าไก่เป็นสัตว์ปีกก็เข้าแข่งขันกับเขาด้วย มันบินก็ไม่เก่ง ว่ายน้ำก็ไม่ค่อยได้ พอมาถึงแม่น้ำ มันก็อาศัยเกาะขอนไม้ท่อนหนึ่งลอยเคลื่อนตามผู้อื่นไป เรียกว่ายังมีความฉลาดเฉลียวอยู่พอสมควร กระนั้นก็มาถึงเส้นชัยเป็นอันดับที่สิบ เราเรียกปีไก่ว่าปีระกา
ส่วนหมานั้นชอบเล่นสนุกสนาน ตอนวิ่งมาก็ทำเวลาได้ดี แต่พอมาเห็นน้ำก็มัวเพลินมุดน้ำเล่นไปมา มารู้ตัวอีกทีก็เห็นคู่แข่งเขาวิ่งไปไกลแล้ว มันมาถึงเส้นชัยเป็นอันดับที่สิบเอ็ด เราเรียกปีหมาว่าปีจอ
เมื่อมาถึงหมู หมูเอาแต่กินกับนอนไม่สนใจการแข่งขัน จนเที่ยงแล้วมันยังนอนไม่ลุก พอได้ยินเสียงเขาแข่งขันกันก็ยังทำท่าขี้เกียจ ครั้นพอได้ยินเสียงดังมาก ๆ คล้ายกับกำลังแย่งอาหารกัน เห็นสัตว์วิ่งไล่กันไป เพราะความอยากกินนี่ล่ะ มันก็เลยรีบวิ่งอย่างรวดเร็ว ตามสัตว์อื่น ๆ ไปถึงเส้นชัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ คำแรกที่หมูไปถึงเส้นชัยมันถามเพื่อน ๆ ว่ามีอะไรอร่อย ๆ ให้กินหรือ เวลานั้นมันจึงได้รู้ว่าที่เขาวิ่งกันมาเพราะเขาแข่งขันกัน มันมาถึงเส้นชัยนับเป็นอันดับที่สิบสอง ตัวสุดท้ายพอดี เราเรียกปีหมูว่าปีกุน
ส่วนแมวที่ถูกหนูหลอกก็โมโหที่ถูกหักหลัง ตั้งแต่นั้นมามันจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับหนูมาโดยตลอดเป็นคู่กัดกันมาจนทุกวันนี้ และว่ากันว่าที่แมวชอบเอามือถูหน้า ก็เพื่อไม่ให้มันรู้สึกง่วงนอนนั่นเอง ถ้าหนูไม่ใช้เล่ห์เพทุบายกับแมวแล้วล่ะก็ บางทีเราก็อาจจะมีปีแมวอยู่ในปีนักษัตรกันแล้ว
ในเชิงของโหราศาสตร์ สิบสองนักษัตรนี้ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบหนึ่งในด้านพยากรณ์ศาสตร์ทั้งในตำราไทยและจีน โดยนักโหราศาสตร์จีนโบราณค่อย ๆ สังเกตเห็นว่า เหตุการณ์บนโลกมักจะมีแนวโน้มไปตามวิถีโคจร 12 ปี และคนที่เกิดในปีเดียวกันก็มักจะมีอุปนิสัยพื้นฐานบางอย่างใกล้เคียงกัน

เมื่อเรื่องเหล่านี้ได้รับการยืนยันเนิ่นนานเข้า จึงมีการตั้งชื่อเรียกแต่ละปีโดยใช้สัตว์ที่มีลักษณะเด่นใกล้เคียงกับคุณสมบัติของคนในแต่ละปีมากที่สุดมาเป็นสัญลักษณ์ ดังนั้น ในปัจจุบันจึงเชื่อกันว่าพวกเราแต่ละคนจะต้องมีลักษณะเด่นประจำตัวตามปีเกิด เช่น อาจเป็นหนู วัว เสือ กระต่าย งูใหญ่ งูเล็ก ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา หรือหมู ก็เป็นได้

Comments are closed.