ผู้บริหารที่ครองใจ..ลูกน้อง

การบริหารงานให้บรรลุผลสำเร็จได้ต้องผู้บริหารต้องสามารถครองใจผู้ใต้บังคับบัญชา      ซึ่งจะต้องมีการปรับตัวเข้าหากันทั้งสองฝ่ายทั้งในตัวของผู้บริหารเองและต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของคนซึ่งนั่นคือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณเองที่ต้องดูแลและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดและสิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติต่อลูกน้องของเรา ซึ่งจะกล่าวไปแล้วลูกน้อง ก็คือ ลูกและน้องของเรา ซึ่งจะมีความแตกต่างกันทั้งการปลูกฝังเลี้ยงดูที่เราไม่สามารถจะเดาใจ หรือจะใช้วิธีการเดียวกันมาปฏิบัติเหมือนกันหมดทุกคน
ได้ เพราะทุกคนจะมีความต้องการ อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ที่แตกต่างกันไป จึงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราผู้บริหารที่ดี จึงไม่ควรบริหารงานโดยยึดความพึงพอใจของตนเอง เป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโห ฉุนเฉียวง่าย ทำงานอย่างมีสติสัมปชัญญะในการประกอบการอาชีพ นั่นก็คือรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรมีความสำนึกในความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น จึงมีคำกล่าวที่ว่า ถ้าเราอยากมี นายที่ดี ลูกน้องของเราก็อยากมีเหมือนกัน เราไม่ชอบ นายแบบไหนลูกน้องเราก็ไม่ชอบเหมือนกัน

 การเป็นผู้บริหารที่ดีจึงต้องมีการยึดหลัก ธรรมบท 10 เป็นหลักในการปฏิบัติตนเพื่อสร้างความเชื่อถือ ศรัทธาให้เกิดขึ้นได้ ธรรมบท 10 ที่ผู้นำพึงมี ได้แก่
กาย 3. ได้แก่

1. การไม่ฆ่าสัตว์ 2. ไม่ลักทรัพย์ 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม
วาจา 4. ได้แก่ 1. ไม่พูดปด 2. ไม่พูดหยาบ 3. ไม่พูดส่อเสียด 4. ไม่พูดเพ้อเจ้อ
ใจ 3. ได้แก่ 1. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์ผู้อื่น-โลภะ 2. ไม่ผูกอาฆาต-โทสะ 3.มีความเห็นถูกต้อง-โมหะ
            ดังนั้น จะเห็นได้ว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จ มักจะคำนึงถึงเป้าหมายความสำเร็จ 3 ส่วน คือ เป้าหมายขององค์กร ของส่วนงานและของส่วนตัวหรือส่วนบุคคล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารใจคนให้ได้ หากไม่ได้ใจแล้วโอกาสที่จะได้รับความร่วมมือจึงเป็นไปได้ยาก จึงของแนะนำเทคนิคการครองใจเพื่อสร้างงานและสร้างความสำเร็จเพื่อใช้เป็นนาวปฏิบัติสำหรับผู้บริหารที่ต้องการความสำเร็จ
เทคนิคการครองใจ ที่ผู้บริหารต้องปฏิบัติต่อลูกน้อง ดังนี้คะ
1. ต้องมีภาวะผู้นำสูง กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก กล้าให้การสนับสนุนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าให้แก่ลูกน้อง ให้ความเป็นธรรม ไม่ลำเอียง อย่าเป็นผู้แบ่งพรรคแบ่งพวกเสียเอง ควรสร้างวัฒนธรรม การประจบด้วยผลงาน มากกว่าการประจบสอพลอ เพื่อขอเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง
2. การสั่งการและมอบหมายงานควรใช้มธุรสวาจา มีความสุภาพ ให้เกียรติผู้อื่นรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะอย่างตั้งใจ มีความอ่อนหวาน และให้กำลังใจ อย่าติ หรือตำหนิลูกน้องต่อหน้าผู้คนจำนวนมากหรือในที่สาธารณชนโดยเด็ดขาด และต้องกล่าวชมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเขาทำงานได้ดี
3. รักษาน้ำใจของลูกน้องและเพื่อนร่วมงานอย่าแก้ไขงานหนังสือบ่อยๆ ควรดูให้เสร็จในคราวเดียว แก้ซ้ำๆ ซากในหนังสือฉบับเดียวหากเกิดจากเราแก้ไขหรือเพิ่มเติมไม่ครบถ้วนก็จะต้องขอโทษเขา เพราะความผิดพลาดเกิดจากเรา ที่เป็นเหตุทำให้เขาต้องพิมพ์ใหม่ทำใหม่
4. รู้จักใช้งานด้วยความเกรงใจ และเข้าใจถึงความจำเป็นส่วนตัว เช่น ลูกน้องบ้านอยู่ไกล ก็ไม่ควรไม่ใช้งานในเวลาใกล้เลิกงานเพราะนอกจากคุณภาพของงานจะไม่ดีแล้วยังสร้างความกดดันให้แก่ลูกน้องอีกด้วย
5. ใช้คนให้เหมาะกับงาน(put the right man on the right job) ใครถนัดอะไรชอบอะไรให้เขาทำ เขาจะทำอย่างเต็มที่เพราะมีความสุขในการทำงานและสิ่งที่ได้คือผลงานจะออกมาดี หากให้ทำงานที่เขาไม่ถนัดไม่มีประสบการณ์ในด้านนั้นๆ มาก่อนนอกจากผลงานจะไม่เกิดแล้ว ยังต้องเสียทั้งเงินและเวลาอีกด้วย
6. อย่าทำลายบรรยากาศในการทำงานด้วยการระเบิดอารมณ์ใส่ลูกน้อง ต้องพิจารณาความผิดนั้น โดยแก้ไขที่ตนเอง ต้องเลิกนิสัย วางท่า วางอำนาจ จนใหญ่คับห้อง นอกจากไม่ได้ใจแล้วยังถูกนินทาลับหลังเสมอ จะขอความร่วมมือจากใครก็จะได้รับการปฏิเสธทันที
7. หากลูกน้องทำผิดในด้านใด ไม่ควรต่อว่าในทันที ต้องมาตรวจสอบดูว่า เราสั่งผิดหรือไม่ หากไม่เป็นเพราะเราสั่งผิด แต่เป็นเพราะเขาทำไม่ถูกก็ต้องมาสอนงานและแนะนำให้ถูกต้องอย่าให้เขาทำเองคิดเองสุดท้ายงานก็กกไม่ประสบความสำเร็จสักที
8. หากเอกสารที่ผ่านเราไปเกิดผิดพลาด ไม่ควรโทษลูกน้อง เพราะเราเองก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ที่ปล่อยให้เอกสารนั้นผ่านเราไป โดยมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อย่าเซ็นต์ผ่านไปโดยไม่มีการตรวจสอบ หากผิดพลาดขึ้นมาจำไว้เลยว่า คุณนั่นแหล่ะคือคนแรกที่จะถูกตำหนิก่อนใคร
9. ทำตัวเป้นครูที่ดี แม่ที่ดี ต้องกล้าพูดกล้าสอน ในสิ่งที่ดี และเป็นตัวอย่างที่ดีหากผู้บริหารทำผิดระเบียบของหน่วยงานเสียเองแล้วคุณจะไปว่ากล่าวลูกน้องได้อย่างไร ดังนั้น จะสอนคนอื่นต้องสอนตัวเองให้ดีก่อน
10. ต้องปกป้อง สนับสนุน ลูกน้องที่ดีเมื่อเขาทำงานให้เราอย่างเต็มที่การพิจารณาความดี ความชอบก็ต้องเต็มร้อย เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานและเมื่อใดเขาทำผิดก็ต้องตักเตือนลงโทษลูกน้องที่ทำผิดอย่าปล่อยไว้ จนกลายเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ดีไปเพราะทำผิด ก็ไม่ถูกลงโทษ จึงเป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นให้นำไปปฏิบัติบ้าง
11. ไปร่วมงานส่วนตัวของลูกน้องตามโอกาสอันควร เช่น งานศพญาติ งานบวช งานแต่ง
12. มีอารมณ์ขันอยู่เสมอ แต่ไม่พร่ำเพรื่อ วางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นหัวหน้า อย่าพูดส่อเสียด สองแง่สองง่าม
13. เป็นผู้ประสานรอยร้าวและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว
14. หมั่นพัฒนาตนเอง และเรียนรู้งานอยู่เสมอ ให้สมกับเป็นหัวหน้า มีใช่ต้องถามลูกน้องอยู่เรื่อยๆ จะปฏิเสธว่าตนเองไม่รู้ไม่ถนัดไม่ได้ เพราะเราเป็นหัวหน้ามิใช่ลูกน้อง ลูกน้องไม่รู้  เราต้องสอนงาน   หากเราไม่รู้ซะเองจะสอนงานใครได้ล่ะ จึงต้องรีบไขว่ขว้าหาความรู้อยู่เสมอ และต้องคิดเสมอว่า ไม่มีสิ่งใดจะยากเกินกว่าความสามารถของเรา
        หากท่านสมารถปฏิบัติได้ครบทั้ง 14 ข้อ  รับรองได้ว่าจะต้องเป็นผู้บริหารที่รักใคร่ของลูกน้องทุกคน.....เพราะท่านสามารถครองงานและครองใจได้อย่างเป็นผลสำเร็จยิ่ง และผลงานที่ท่านคาดหวังไว้ เขาจะทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับงานอย่างเต็มที่

Comments are closed.