Daily Archives: January 4, 2014

ปีหน้าที่ทุกคนมองว่าเป็นโจทย์หินของ “ธุรกิจ” ทั้งกำลังซื้อที่ซบเซาต่อเนื่อง ภาวะการเมืองที่ยังคงวุ่นวายข้ามปี ทำให้การก้าวขึ้นปีใหม่ในปี 2557 ยังคง “อึมครึม” กลายเป็นโจทย์หลักของทุกผู้ประกอบการที่ต้องเตรียมรับมือ สู้ศึกกันอย่างหนักในปีม้าที่จะถึงนี้

“อนุวัตร เฉลิมไชย” นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เท่าที่พูดคุยกันในแวดวงธุรกิจ ตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงต้นปี 2557 ยังมีความอึมครึมไม่แน่นอนกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ในขณะนี้ โดยคาดว่าไตรมาส 1 ปีหน้าทุกธุรกิจจะเหนื่อยในการกระตุ้นตลาดเพราะมู้ดจับจ่ายผู้บริโภคไม่ดี

“สินค้าจำเป็นน่าจะขับเคลื่อนไปได้ แต่ฟุ่มเฟือยก็อาจจะไม่ดี แต่อีกแง่หนึ่งสำหรับสินค้าที่เจาะกลุ่มไฮเอนด์อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อที่ไม่เซนซิทีฟในเรื่องของราคามากนัก แต่กลุ่มที่มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงจะลำบาก เพราะนักท่องเที่ยวลดลง”

สิ่งที่ธุรกิจต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ กลยุทธ์การทำตลาดต้นปีหน้า การโฆษณา หรือจัดกิจกรรมต่าง ๆ ต้องเผื่อใจไว้ว่าอาจไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เนื่องจากผู้บริโภคขณะนี้มุ่งสนใจการเมืองมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ดังนั้นงบฯที่ทำตลาดลงไปอาจไม่คุ้มค่า ดังนั้นการจะโปรโมตอะไรในปีหน้าก็ค่อนข้างลำบาก

“สัญญาณการจับจ่าย การบริโภคจริง ๆ ไม่ดีมาตั้งแต่ต้นปี 2556 แล้วจากนโยบายรถคันแรก ก่อนหน้านั้นในช่วงปลายปี 2554 ก็เกิดน้ำท่วม กระทบต่อกำลังซื้อมาต่อเนื่องคืออารมณ์ผู้บริโภคไม่ดีอยู่แล้วทุกค่ายก็คาดว่าสิ้นปีนี้จะมากระตุ้นกันอย่างเต็มที่ ก็ต้องมาเจอสถานการณ์การเมืองอีก”

หากประเมินจากจุดทางการเมืองของฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกันขณะนี้ “อนุวัตร” ยอมรับว่า สถานการณ์ต่าง ๆ อาจจะยืดเยื้อ แต่ธุรกิจก็ควรจะสู้อย่างเต็มที่ในไตรมาส 1 ไม่ควรทิ้งไปเลย ดูตัวอย่างตลาดสหรัฐอเมริกา ที่เศรษฐกิจตกต่ำมา 2-3 ปี ในช่วงเวลาดังกล่าวหลายบริษัทก็สามารถทำกำไรได้ดี

คำแนะนำในปีหน้า ในฐานะนายกสมาคมการตลาด เขามองว่า ธุรกิจยังต้องเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง แต่ต้องวิเคราะห์อย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้นไม่ควรใส่เงินแบบเหวี่ยงแห เพราะจะไม่คุ้มค่า การใช้เงินต้องละเอียดมากขึ้น เนียนมากขึ้น ดูว่าตลาดเซ็กเมนต์ไหนทำได้ ทำไม่ได้ อาทิ พื้นที่ในต่างจังหวัดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะการเมือง จะสามารถไปจัดกิจกรรมหรือทำอะไรได้หรือไม่

“ระยะสั้นสิ่งที่น่าจะทำได้คือ การรุกดิจิทัล ซึ่งใช้งบประมาณไม่สูงและมีความคุ้มค่ากว่า ช่วงต้นปีหน้าธุรกิจอาจยังไม่ต้องใช้งบฯหว่านเจาะตลาดแมส จริง ๆ เดี๋ยวนี้ดิจิทัลทำได้หลายอย่าง ทั้งแจกคูปองหรือกิจกรรมออนไลน์ เจาะเป็นกลุ่ม ๆ ไป แม้แต่สินค้าอุปโภคบริโภคที่เจาะวงกว้างก็สามารถทำได้ อาทิ การรุกช่องทางจำหน่ายแต่ละช่องทางที่แตกต่างกัน เพราะค้าปลีกแต่ละค่ายกลุ่มลูกค้าก็แตกต่างกันอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตามด้วยภาวะที่ไม่มีอะไรแน่นอน เขาเชื่อว่าทุกค่ายก็คงจะเลือกการ “จัดโปรโมชั่น” เพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน

“ไตรมาส 1 ปีหน้าโปรโมชั่นจะเต็มตลาด ทุกค่ายคงจัดกันอย่างเต็มที่ เพราะจะต่อเนื่องไปถึงตรุษจีนจนถึงปิดเทอม ลากยาวไป ทุกคนก็คงหนีตายกันแน่ ๆ”

เขาเชื่อว่า ภาวะที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิด “สงครามราคา” ที่รุนแรง ที่อาจไม่เป็นผลดีกับธุรกิจโดยเฉพาะในระยะยาว

“แนะนำว่าปีหน้าทุกคนไม่ควรเล่นแบบเดิม เพราะจะมี Fix Cost ที่สูงมาก แต่ควรวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจดี ๆ อย่าให้เกิดเป็นสงครามราคา เพราะจะพังกันหมด โดยเฉพาะแบรนด์รอง แบรนด์เล็ก”

ในมุมมองของเขา เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามราคา เขาเชื่อว่า ธุรกิจยังมีวิธีการอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นตลาดได้อีกมาก ดยการแก้ปัญหาระยะสั้นในสถานการณ์ปัจจุบัน นอกจากการเฝ้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว หากทุกอย่างบานปลายจริง ๆก็ต้องมีแผนสำรองเตรียมไว้เพื่อกระตุ้นตลาด ส่วนระยะยาว ทุกธุรกิจน่าจะหันมาเน้นการทำ “ต้นทุน” ให้สามารถแข่งขันได้ หาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย ระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ หรือหันมาเน้น Value Product สินค้าที่มีประโยชน์ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า อาทิ ลดไซซ์ แพ็กเกจจิ้ง สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการซื้อจำนวนมาก ใช้เท่าไรซื้อเท่านั้น หรืออาจจะออกมาเป็นไซซ์จัมโบ้ให้รู้สึกคุ้มค่ามากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการลดราคา

“ในวิกฤตก็มีโอกาสที่เชื่อว่าจะสามารถพลิกได้ ในขณะที่หลายแบรนด์ถอย หรือเน้นทำแต่โปรโมชั่น บางแบรนด์อาจถือโอกาสช่วงนี้โปรโมตแบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะการเล่นโซเชียลมาร์เก็ตติ้ง หรืออีกแง่หนึ่งก็เน้นทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมเพื่อปูพื้นในอนาคต เป็นการทำเพื่อระยะยาว ต้องหาช่องออกมา มองภาพในอนาคต”

สำหรับการเปิดตัวสินค้าช่วงไตรมาส 1 ปีหน้า เขาเชื่อว่าหากสถานการณ์การเมืองยังคงวุ่นวาย สินค้าต่าง ๆ ก็คงจะยกเลิกการเปิดตัว การจัดอีเวนต์ก็อาจใช้วิธีอื่น เปลี่ยนไปเจาะหัวเมืองต่างจังหวัด อย่างไรก็ตามต้องดูเหมาะกับกาลเทศะหรือไม่

“ไม่ใช่ว่าทุกคนพูดเรื่องการเมือง เหตุการณ์วุ่นวาย แต่เรามาฉลองรื่นเริง แต่หากเป็นสินค้าดีมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคก็สามารถเปิดตัวออกมาทำตลาดในช่วงนี้ได้”

อีกแง่หนึ่งในภาวะที่การทำตลาดติดขัด เขามองว่า น่าจะเป็นจังหวะเวลาที่ทุกบริษัทหันมาดูแลต้นทุน หรือดูเนื้อหาสินค้าและบริษัทว่าตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือไม่อย่างไร

“เดิมภาพสินค้าของเราอาจดูฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่า ก็ต้องปรับเรื่อง Value Propositionบางอย่าง”

ยิ่งในภาวะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า วัตถุดิบขึ้นราคา ค่าน้ำมัน ค่าขนส่งที่อาจจะปรับขึ้นในต้นปีหน้า ทำให้ต้นทุนสินค้าขึ้น เขาชี้ว่า ตรงนี้ถือว่า “ข่าวร้ายซ้ำสอง” และตอกย้ำสถานการณ์ตลาดในขณะนี้ที่อยู่ในภาวะ “ไร้ข่าวดี”

“ตอนนี้ภูมิต้านทานธุรกิจต้องสูง ในสภาพที่ไม่มีข่าวดี ช่วงเวลานี้ทุกธุรกิจควรกลับมาดูต้นทุนของตัวเอง ต้นทุนที่อาจจะขึ้นในปีหน้า ทุกธุรกิจควรจะคิดเผื่อไว้เลย ต้องลดต้นทุนเต็มที่ ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้บริโภค แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็คงต้องขึ้นราคาตามความจำเป็น”

เขาทิ้งท้ายว่า ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี สิ่งที่จะเป็นอีกตัวชี้วัดในปีหน้าคือ “ประสิทธิภาพ” ของธุรกิจ

“คนที่ต้นทุนดี แข็งแรง ก็จะได้เปรียบ พวกนี้เขาปรับมานาน ทำให้มีความพร้อมในการเผชิญปัญหา แต่คนที่ไม่พร้อมก็จะลำบากพอสมควรในปีหน้า”

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

 

สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. จัดประกาศผล “10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรม ประจำปี 2556” เพื่อเป็นตัวอย่างในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมของภาคเอกชน และแสดงแนวโน้มของธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในประเทศไทย

ตั้งเป้าให้เกิดบรรยากาศการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง หวังกระตุ้นผู้ประกอบการไทยให้หันมาสร้างธุรกิจนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

…กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พยายามผลักดันการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ให้เกิดการลงทุนธุรกิจนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้ก้าวทันต่อการแข่งขันในประชาคมอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง

…”การประกาศ 10 สุดยอดธุรกิจนวัตกรรม 2556 นี้ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยสนช. ดำเนินการต่อเนื่องกันเป็นประจำทุกปี แสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนต่อการสนับสนุนเพื่อยกระดับทักษะความสามารถด้านนวัตกรรมและการบริหารจัดการ ตลอดจนสร้างความตื่นตัวด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการส่งเสริมความสำเร็จด้านนวัตกรรม เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมนวัตกรรมทั้งในระดับอุตสาหกรรม องค์กร และประชาชนทั่วไป เจ้าของผลงานทั้งสิบชิ้นถือเป็น “นวัตกรรม” ที่ประสบความสำเร็จ สร้างผลงานที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม” พีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าว

สุดยอดนวัตกรรมธุรกิจทั้ง 10 ชิ้น มีดังนี้

“คูลแคป”…สมุนไพรลดไข้จากบอระเพ็ด

บริษัท ซี.เอ.พี.พี. กรุ๊ป (ประเทศไทย) จํากัด

พัฒนาตำรับยาลดไข้แบบสูตรผสมด้วยการใช้สมุนไพรบอระเพ็ด มาผ่านกระบวนการทำมาตรฐานและควบคุมคุณภาพของสารสกัดด้วยเทคนิคการใช้ความร้อนสูงภายในระยะเวลาสั้น จึงทำไม่เกิดการเสื่อมสลายของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ ยังผลให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการลดไข้ โดยสามารถนำมาใช้ทดแทนยาเคมีสังเคราะห์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วมากกว่า 7 ล้านบาท คาดว่าจะมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง

“สไมล์ฟีต”แผ่นรองรองเท้าเพื่อสุขภาพ

ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮลท์ อินโนเวชั่น แอนด์ ดีไซน์

แผ่นรองส้นเท้าที่มีคุณสมบัติการกระจายแรงกด (PPRI : Physical Pressure Release Innovation) โดยได้รับการออกแบบให้ถูกต้องตามสรีระด้วยทีมแพทย์และวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ มีการปรับลักษณะ รูปร่างตามสรีระ โค้งเว้าให้รับกับเท้าของทุกคนและใช้เทคโนโลยีทางวัสดุที่เพิ่มความยืดหยุ่น และรองรับการกดกระแทกในขณะเดิน วิ่ง และออกกำลังกาย จึงใช้ได้ทั้งบุคคลทั่วไป และผู้ป่วยปวดส้นเท้า

“คูเน่”ผงปรุงรสจากหอมหัวใหญ่

บริษัท ปกธนพัฒน์ จำกัด

เครื่องปรุงรสชนิดผง ในการนำหอมหัวใหญ่ที่มีคุณสมบัติให้ “รสอูมามิ” ซึ่งเป็นรสชาติของกลูตาเมตอิสระ ทำหน้าที่ให้รสชาติและเป็นตัวกระตุ้นความอยากอาหาร ใช้ทดแทนผงชูรสและอนุพันธ์ของผงชูรส โดยนำมาผ่านกระบวนการอบแห้งและปรุงรสร่วม กับเครื่องปรุงรสต่างๆ โดยมีเกลือเป็นตัวช่วยให้รสของอูมามิกลมกล่อมขึ้น

“ซูกาเวีย”

สารให้ความหวานจากธรรมชาติ

บริษัท ซูกาเวีย จํากัด

ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกระบวนการผลิตสารสกัดสติวิออลไกลโคไซด์จากหญ้าหวาน

เป็นการนำหญ้าหวานมาผ่านกระบวนการสกัดด้วยน้ำร้อน จากนั้นมาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์โดยการใช้เรซิ่นเพื่อดูดซับสารสำคัญ และชะล้างสารสำคัญออกจากเรซิ่นด้วยตัวทำละลาย ซึ่งจะทำให้ผลิตสารสกัดสติวิออลไกลโคไซด์ที่มีความเข้มข้นสูงถึงร้อยละ 95 ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข

“ซูกาเวีย” มุ่งเน้นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ด้วยการผลักดันหญ้าหวานให้เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรที่เพาะปลูกหญ้าหวานมีรายได้ที่มั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งผู้บริโภคจะมีทางเลือกในการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ

“ฟิอูเม่”อ่างอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุ

บริษัท บาธรูม ดีไซน์ จำกัด

การออกแบบรูปทรงและทำต้นแบบอ่างอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีรูปแบบการใช้งานและรูปลักษณ์ภายนอกแบบใหม่ที่แตกต่างจากอ่างอาบน้ำทั่วไปในท้องตลาด รวมถึงสามารถติดตั้งและใช้งานง่าย เหมาะสมต่อผู้สูงอายุและผู้ป่วย

วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 ในร้านจำหน่ายสุขภัณฑ์ชั้นนำในประเทศไทย ราคาชุดละ 59,000-129,000 บาท คาดการณ์ยอดขายในปี 2557 จะอยู่ที่ประมาณ 200 ชุด หรือคิดเป็นมูลค่าราว 20 ล้านบาท

“สไปโรไจร่า ไบโอมาสก์”

เวชสำอางอินทรีย์จากสาหร่ายเทา

บริษัท สมาร์ทไลฟ์ พลัส จํากัด

เวชสำอางอินทรีย์จากสาหร่ายเทา โดยการนำสูตรตำรับของสารประกอบฟีนอลิกจากสาหร่ายเทาที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพสำคัญ มาขึ้นรูปเป็นแผ่นด้วยโพลีแซกคาไรด์ธรรมชาติจากสาหร่ายเทาและสารไฮโดรคอลลอยด์ ปรับแต่งคุณสมบัติให้เป็นฟิล์มไฮโดรเจลที่สามารถดูดซับน้ำไว้ภายในโครงสร้างสูง มีความยืดหยุ่น สามารถวางทาบและปรับดึงให้แนบสัมผัสกับผิวหน้าได้ดี รู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส และยอมให้มีการแพร่ผ่านของสารออกฤทธิ์ต่างๆ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง

พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มความแตกต่างด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยการเลือกใช้สารเติมแต่งที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อีกด้วย

“เฮมพ์ไทย”พรมรองพื้นรถยนต์

จากเส้นใยกัญชง

บริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟ จำกัด

นวัตกรรมระดับประเทศด้านผลิตภัณฑ์พรมรองพื้นรถยนต์จากเส้นใยกัญชง โดยการใช้เทคโนโลยีการผลิตยางธรรมชาติเสริมแรงด้วยกัญชง และพัฒนาให้ยางพาราสามารถแทรกตัวและเชื่อมประสานกับผ้าทอจากกัญชง

พรมรองพื้นรถยนต์มีสมบัติลดการเกิดไฟฟ้าสถิตและลดกลิ่นภายในรถยนต์

“เซนส์”อุปกรณ์สื่อสารทางสายตา

สำหรับผู้ป่วยอัมพาต

บริษัท เมดิเทค โซลูชั่น จำกัด

ผลิตภัณฑ์ชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่รับคำสั่งการควบคุมเมาส์ด้วยสายตา โดยตรวจจับการกะพริบตาด้วยหลักการมอร์โฟโลยีในการตรวจจับหาตำแหน่งตาดำเพื่อวิเคราะห์ตรวจจับพฤติกรรมการกะพริบตาของผู้ใช้งานในการป้อนคำสั่งผ่านตัวอุปกรณ์ เพื่อให้ ผู้ป่วยอัมพาต และผู้ป่วยโรคเอแอลเอส ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนอื่นของร่างกายนอกจากตาได้ให้สามารถสื่อสารกับบุคคลรอบข้างผ่านอุปกรณ์นี้ได้

“บิ๊กเบา”รถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์

น้ำหนักเบาเชิงพาณิชย์

บริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด

ผลิตภัณฑ์รถขนส่งอาหารสำหรับเครื่องบินแอร์บัส A380 ด้วยการออกแบบ และผลิตโครงสร้างแบบ x-frame โดยใช้วัสดุเหล็กกล้าเกรดที่มีความแข็งแรงสูงและมีน้ำหนักเบา จึงสามารถปรับระดับความสูงของโครงสร้างได้สูงสุด 9 เมตร พร้อมกันนี้ยังได้ประยุกต์ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับควบคุมความเสถียรภาพและการควบคุมช่องส่งอาหารแบบ 6 ทิศทาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและลดเวลาการปฏิบัติงานเหลือ 2 ชั่วโมง

“สกรีนอีซ”

ชุดตรวจสอบอะฟลาท็อกซิน

บริษัท สยามอินเตอร์ควอลิตี้ จํากัด

ชุดตรวจสอบอะฟลาท็อกซินในผลผลิตเกษตร โดยใช้หลักการตรวจวิเคราะห์ทางหลักการภูมิคุ้มกันวิทยา และประเมินผลด้วย MicroELISA Reader ซึ่งชุดตรวจสอบ ดังกล่าวมีราคาถูกกว่าชุดตรวจสอบที่นำเข้าจากต่างประเทศ ประมาณ 3-5 เท่าทำให้ผู้ใช้งานมีต้นทุนค่าตรวจวิเคราะห์อะฟลาท็อกซินต่ำลง